นายกฯ ประธานพิธียกเสาพระเมรุพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ “เจ้าฟ้าเพชรรัตน์” ตามมหัทธโนฤกษ์
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 11.30 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี ได้เป็นประธานพิธียกเสาพระเมรุที่ใช้ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่ภคินีเธอฯ เพื่อเป็นขวัญและสิริมงคลแก่คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุฯ คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่ภคินีเธอฯ ข้าราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าร่วมพิธี ณ บริเวณท้องสนามหลวงด้านทิศใต้ กรุงเทพมหานคร
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณพิธี พล.ต.อ.โกวิทกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดพิธียกเสาพระเมรุฯ ว่า ตามคติความเชื่อของไทยแต่โบราณนั้น พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์ชั้นสูง ล้วนได้รับนับถือว่าทรงสืบเชื้อสายมาจากสมมติเทพ จึงเชื่อกันว่าเมื่อถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ ทุกพระองค์จะเสด็จกลับคืนสู่ทิพยสถาน ณ พระสุเมรุบรรพต ดังนั้น เมื่อจะถวายพระเพลิงพระศพ จึงมีการสร้างพระเมรุเสมือนจำลองเขาพระสุเมรุจากสรวงสวรรค์มาประดิษฐาน ณ บริเวณมณฑลพิธีใจกลางพระนคร เพื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย แม้พระเมรุจะมีรูปลักษณ์และขนาดแตกต่างลดหลั่นกันตามพระอิสริยยศ แต่องค์ประกอบต่างๆ ยังคงความวิจิตรบรรจงตามคุณลักษณะของศิลปะสถาปัตยกรรมไทยทุกประการ เพื่อความงดงามและสมพระเกียรติยศ การสร้างพระเมรุเป็นงานสถาปัตยกรรมที่แสดงภูมิปัญญาช่างอย่างสูง การออกแบบรูปลักษณ์การก่อสร้างอาคาร การประกอบลวดลายประดิษฐ์ตกแต่งทุกส่วนให้เข้ากับอาคาร ล้วนต้องใช้ช่างที่มีความรอบรู้ มีฝีมือ และมีทักษะในงานศิลปกรรมและกระบวนช่างไทยทุกสาขามาร่วมกันปฏิบัติงาน สิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณีครบถ้วนทุกขั้นตอน การยกเสาพระเมรุจึงเป็นจารีตสำคัญของการเริ่มก่อสร้างอาคารทางสถาปัตยกรรม เพื่อเป็นขวัญและเป็นสิริมงคลแก่คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุและบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ จึงกำหนดจัดพิธียกเสาพระเมรุสำหรับประกอบพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ขึ้นในเวลาอันเป็นมหัทธโนฤกษ์
จากนั้น นายกรัฐมนตรีประกอบพิธีพราหมณ์ โดยจุดธูป เทียนที่เครื่องบวงสรวง เช่น ผลไม้ ดอกไม้ เมล็ดพันธุ์พืชชนิดต่างๆ ผ้าข้าว เป็นต้น เสร็จแล้วพราหมณ์พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณฯ ได้อ่านโองการบวงสรวง ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รดน้ำเทพมนตร์ และโปรยดอกไม้ พร้อมปิดทอง ผูกผ้า (ขาว) ที่เสา และถือสายสูตรยกเสาพระเมรุขึ้นตั้ง ระหว่างนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประเคนฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จากนั้นเป็นการรำบวงสรวง เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำถวายเป็นพระราชกุศล เสร็จแล้วได้กราบพระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี
