"บุญยอด" ซัด ประธานสภาฯ บิดเบือนข้อเท็จจริง ชี้ถอด "จตุพร" เป็นมติ กกต.ชัด อย่าประวิงเวลา ถามถ้าส่งเรื่องไปก็โดนกระทืบหมายความว่าไง จวกกลัวกฏหมู่มากกว่ารักษากฏหมาย จี้ทบทวนการทำหน้าที่ ไล่ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พ้นจากสมาชิกภาพและส่งเรื่องให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่า ทราบว่าประธานสภาระบุว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกับ กรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นถอดถอน กรณีแจกถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานที่ จ.พิษณุโลก และกรณีของพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ.ที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนกรณีบกพร่องต่อหน้าที่ให้เกิดการทุจริตถุงยังชีพ
นายบุญยอด กล่าวว่า ประธานสภาฯบอกว่าเรื่องเหล่านี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แต่ตนเห็นว่าการที่พูดเช่นนี้แสดงว่าประธานสภายอมรับต่อสังคมว่า ไม่ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่ง ทั้งที่เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของท่าน และยังบิดเบือนข้อเท็จจริงเพราะทั้ง 3 กรณีของการถอดถอนหรือการพ้นสภาพการเป็นส.ส.ก็มีมูลเหตุที่ต่างกันออกไป โดยเฉพาะกรณีของนายจตุพร ที่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตามข้อกฎหมายจนเป็นมติแจ้งมา ท่านต้องทำหน้าที่จะกล่าวอ้างเช่นนี้ไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องที่ประธานสภาจะใช้อำนาจเพื่อประวิงซื้อเวลา
"ยิ่งที่นายสมศักดิ์ ระบุว่า "ถ้าส่งเรื่องไปก็โดนกระทืบ"นั้น อยากถามว่า ท่านหมายความว่าอย่างไร และยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าประธานสภาฯ เลือกที่จะไม่พิจารณาเรื่องนี้ตามกฎหมาย แต่อยู่ภายใต้ความกลัวของกฏหมู่ของคนเสื้อแดงมากกว่าที่จะรักษากฎหมาย ทั้งที่เป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ จึงขอเรียกร้องให้ประธานสภาทบทวนการทำหน้าที่ของตนเองและปลุกจิตสำนึกของความเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะการซื้อเวลาต่อไปก็ยิ่งสิ้นเปลืองภาษีของประชาชน ที่ส.ส.ได้รับเงินเดือนละแสนกว่า และยังมีคณะทำงานผู้ติดตาม อีกที่รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชนเช่นกัน โดยเฉพาะทุกกรณีที่ท่านยกมาอ้างควรจะส่งเรื่องเพื่อดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฏหมายที่กำหนด เพราะท่านมีหน้าที่ส่งเรื่องต่อเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป เพื่อให้เกิดความชัดเจนในสังคม ดีกว่าจะมาอ้างเหตุด้วยการซื้อเวลาและเปิดช่องให้ใช้เป็นข้ออ้างโจมตีทางการเมืองเช่นนี้" นายบุญยอด กล่าว