คนเดือนตุลา โวยเงินล้าน “เยียวยาเผาเมือง” ไร้มาตรฐาน ชนวนสังคมแตกแยกยิ่งขึ้น ถามเหยื่อ “กรือเซะ” ไม่ใช่การเมืองหรือไง สวด “แม้ว” ใช้เงินหลวงปลอบใจคนเสื้อแดง หลอกใช้เป็นเครื่องมือแต่ไม่ควักกระเป๋าตัวเอง
วันที่ 12 ม.ค. นายบวร ยสินธร เลขาธิการมูลนิธิ 14 ตุลาฯ กล่าวแสดงความเห็นกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่าด้วยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ช่วงปี พ.ศ. 2548-2553 โดยในส่วนกรอบผู้เสียชีวิตมีสิทธิ์รับเงินเยียวยากว่า 7 ล้านกว่าบาทว่า ตนเห็นว่ามติ ครม.นี้ทำให้เกิดบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง อยากทราบว่าเอาอะไรมาวัดว่าเป็นการชุมนุมทางการเมือง อีกหน่อยหากชาวบ้านหรือชาวนามาชุมนุมเรียกร้องอะไรที่หน้าทำเนียบ เกิดเป็นลมตายจะได้รับเงินเยียวด้วยเช่นกันหรือไม่ จะเอาอะไรมาเป็นหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นเหตุการณ์การเมือง
ตนเห็นว่ารัฐบาลหวังที่จะแก้เกี้ยว เพราะถ้าหากเยียวให้แต่กับคนเสื้อแดงก็กลัวจะถูกด่า จึงให้คนเสื้อเหลืองด้วย แต่ไม่นึกถึงคนที่ประสบเหตุอุทกภัย ซึ่งก็ถือว่าเป็นผู้รับผลกระทบที่เกิดจากการกระทำของรัฐ ที่มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เกิดจากความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ตำรวจที่วิสามัญฯ ผู้ร้ายแล้วพลาดไปโดนบุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการยิงผิดตัว ก็ต้องมีหลักเกณฑ์ชดเชยเยียวยาที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
“ถ้ามีการเอาหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรมมาใช้ก็จะไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ ผมถามว่าถ้าอย่างนั้น คดีกรือเซะไม่ใช่คดีการเมืองหรือ เรื่องจำนวนเงินนั้น จะมากหรือจะน้อย ยังไม่เท่าการที่ไม่มีมาตราฐาน นี่ขนาดบาดเจ็บยังได้กันเป็นแสน ผมเห็นว่าเรื่องนี้มันต้องแยกให้ออก การเยียวยาต้องชัดเจนเป็นไปตามระบบราชการ ตามหลักมนุษยธรรม” นายบวรกล่าว
เลขาฯ 14 ตุลากล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าอีกหน่อยก็จะต้องเกิดความแตกแยกในสังคมมากขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายในสังคมก็จะโต้แย้งกันว่า คนที่เผาบ้านเผาเมืองแล้วยังได้เงิน ส่วนคนที่ได้รับเงินเยียวยาก็จะอ้างว่า คนที่ตายไม่ใช่คนเผา อยากรู้ว่ารัฐบาลกำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเคยรับปากไว้ว่า จะช่วยเหลือดูแล คนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อตัวเขา แต่เขาไม่ได้ควักกระเป๋าตัวเอง แต่กลับจ่ายด้วยเงินหลวง หรือว่าเขาต้องการที่หลอกใช้มวลชนต่อไป จึงจ่ายเงินส่วนนี้เพื่อดูแลฐานเสียงต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายบวรระบุว่าตนจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในเรื่องนี้ แต่ยังจะติดตามจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งมองว่ารัฐบาลสร้างเรื่องให้เราตามชกลมไปเรื่อย หากตอบโต้อย่างไรก็คงไม่เกิดผล ซึ่งในส่วนของญาติวีระชนเดือน พ.ค.35 ตั้งแต่ทราบข่าวแม้จะยังไม่มีการติดต่อหารือกัน แต่ตนเชื่อว่าคงมีความคิดเห็นไม่ต่างกัน