โฆษกรัฐเผยน้ำท่วมใต้เริ่มสู่ภาวะปกติ-เพิ่มอีก 2 รายการยัดช่อง 11 โฆษณารัฐ ย้ายถก ครม.สัญจรอีสานที่ขอนแก่น โยน “ยงยุทธ-เผดิมชัย” ดูจัดใต้หรือภาคกลาง ด้านดีเจแดงเย้ยยุค “มาร์ค” ไปไหนไม่ได้
วันนี้ (10 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับสถานการณ์อุทกภัย มีการสรุปวันที่ 8 ม.ค.55 ในภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 31ธ.ค.54 ถึงปัจจุบัน ประสบภัย 8 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 7 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่ 1 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ประสบภัย 15 อำเภอ ยังมีน้ำท่วมขัง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปากพนัง และ อ.ชะอวด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์มีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 2-3 วัน ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำฝนและน้ำท่าอย่างใกล้ชิด ได้แจ้งเตือนผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รับทราบต่อการเตรียมการป้องกัน ขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูงได้ทัน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำทั้งสิ้น 97 เครื่อง ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 18 เครื่อง ที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ทางสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน จากเดิมประชาชนที่ได้รับชมรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ทุกเช้าวันเสาร์ แต่ในปี 2555 นี้ ได้ผลิตรายการเพิ่มอีก 2 รายการคือ รายการ “คณะรัฐมนตรีเพื่อประชาชน” ซึ่งเป็นรายการที่จะนำเสนอมติครม.ที่เด่นประจำสัปดาห์ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในด้านต่างๆ ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 20.30-21.30 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และ รายการ “เพื่อคนไทย” เป็นรายการที่นำเสนอเรื่องนโยบาย และผลการดำเนินงานของรัฐบาล ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 20.30-21.30 น.ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการประชุม ครม.นอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ว่า ในวันที่ 14-15 ม.ค.จะจัดประชุมที่ จ.เชียงใหม่ ว่านายกฯ จะเดินทางไปในช่วงบ่ายของวันที่ 14 ม.ค. หลังร่วมงานวันเด็กแห่งชาติเสร็จสิ้น โดยจะเดินทางไปร่วมปลูกป่าที่ จ.เชียงรายก่อน และร่วมงานเลี้ยงกับ ครม. และสื่อมวลชนที่ จ.เชียงใหม่ ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังต้องการให้มีการประชุมเดือนละครั้งเพื่อให้รัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ด้วย ดังนั้น ในวันที่ 20 - 21 กุมภาพันธ์ จะมีการจัดประชุมที่ จ.ขอนแก่น วันที่ 19-20 มี.ค. จัดประชุมที่ภาคใต้ ส่วนจังหวัดที่จะจัดประชุมได้มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นผู้พิจารณาเลือกจังหวัด และวันที่ 23-24 เม.ย.จะจัดประชุมที่ภาคกลาง โดยให้นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เป็นผู้พิจารณาเลือกจังหวัด ซึ่งต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรว่า สำหรับการประชุม ครม.สัญจรที่จะเกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ในครั้งนี้ โดยที่ประชุม ครม.ในวันนี้นั้น เรื่องดังกล่าว นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้บอกในที่ประชุมว่า การประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ควรกระทำให้เกิดความต่อเนื่อง โดยให้เหมือนกับสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาล ซึ่งในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นรัฐบาลนั้นไม่เคยมีการจัดให้มีการประชุมครม.สัญจรเลย ทั้งนี้ก็เพราะ สมัยรัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์นั้นไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลของของพรรคเพื่อไทย
รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า ส่วนการประชุมครม.สัญจรในเดือนกุมภาพันธ์นั้น ได้มีการกำหนดวันออกมาแล้วว่า จะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.พ.55 นี้ ส่วนสถานที่นั้นจะถูกจัดที่ จ.ขอนแก่น ทั้งนี้ที่ประชุมวันนี้ ได้มีรัฐมนตรีจากภาคอีสานจำนวน 4 คน ได้เสนอความคิดเห็นให้จัดครม.สัญจรขึ้นในจังหวัดต่างๆ ที่เป็นจังหวัดของตัวเองดังนี้ 1.นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข เสนอให้มีการจัดที่ จ.บึงกาฬ 2.นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มีการจัดที่ จ.ชัยภูมิ 3.นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ให้มีการจัดที่ จ.ขอนแก่น และ 4.นายกิติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม ให้มีการจัดที่ จ.หนองบัวลำภู
อย่างไรก็ตาม นายกฯ เห็นว่าควรจะไปที่จังหวัดที่มีความพร้อม ทั้งด้านสถานที่และการคมนาคม ดังนั้นจึงเลือกจ.ขอนแก่น ซึ่งจะมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการประชุม
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้นั้นจะมีการจัด ครม.สัญจรขึ้นภายในวันที่ 19-20 ในพื้นที่ภาคใต้ แต่จังหวัดนั้นยังไม่ได้ข้อยุติ มีนายงยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทยรับผิดชอบ ส่วนเดือนเมษายน จะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 ในพื้นที่ภาคกลาง มีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะเป็นจังหวัดใด