หัวหน้าชาติไทยพัฒนา เชื่อ เพื่อไทย ไม่หนุนข้อเสนอ คอ.นธ.ไม่สร้างอุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ ยันเลี่ยงไม่ตั้ง ส.ส.ร.ไม่ได้ ชี้ ถ้าเอาข้อดีปี 50 บวกนำฉบับปี 40 เป็นตัวตั้งจะแก้เร็ว ค้านทำประชามติทั้งเล่ม แนะทำประชาพิจารณ์บางประเด็น
วันนี้ (10 ม.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่าง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มี นายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน ว่า ตนเชื่อว่า เป็นเพียงความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ความขัดแย้งที่เป็นปัญหาที่สร้างอุปสรรคต่อการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ความเห็นที่แตกต่างนั้นในอดีตเคยเกิดขึ้นแล้ว เช่น ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ว่า จะแก้โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ และมีการแก้ไขจำนวน 6 ประเด็น ต้องทำประชามติหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดความเห็นได้ตกผลึกว่าจะแก้ไขเพียง 2 ประเด็นเท่านั้น ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงการทำข้อเสนอต่อสังคมเท่านั้น ภาพอาจจะทำให้สังคมมองว่าเกิดความสับสน แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา
นายชุมพล กล่าวอีกว่า เชื่อว่า แนวทางที่จะใช้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่รัฐบาลเคยประกาศไว้คือ แนวทางการตั้ง ส.ส.ร.ภายใน 1 ปี ดังนั้น รัฐบาลคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนของเสนอของ คอ.นธ.นั้น คาดว่า จะไม่ได้รับพิจารณาเพราะรัฐบาลไม่เคยกล่าวมาตั้งแต่ต้น ข้อท้วงติงของ คอ.นธ.ที่ระบุว่า หากตั้ง ส.ส.ร.แล้วจะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้านั้น ตนมองว่ามีวิธีที่ทำได้รวดเร็ว คือ ตั้ง ส.ส.ร.พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญบางประเด็น หรือใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้ง และนำข้อดีของรัฐธรรมนูญ 2550 มาพิจารณาแก้ไข จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรวดเร็วขึ้น
“ทั้งนี้ การทำประชามติยอมรับว่าจะเสียเวลา เพราะชาวบ้านไม่รู้เรื่อง ที่สำคัญ ไม่เคยมีประเทศใดที่เปิดให้มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนมากนำเพียงการหยิบเป็นบางประเด็นเท่านั้น ผมมองว่า การทำประชามติไม่ใช่แนวทางออกที่ถูกต้อง สิ่งที่ทำได้คือ ให้ทำประชาพิจารณ์ โดยยกรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมัยที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ กล่าวคือ ประชาพิจารณ์ในเฉพาะประเด็นที่สำคัญ ไม่ใช่ทั้งฉบับ ซึ่งสมัยก่อนนั้นใช้เวลาทำ 8 เดือน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ควรนำเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินไปได้” นายชุมพล กล่าว