ปธ.กกต.แจงความคืบหน้าสรรหาเลขา กกต.ปัดดึงเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.นั่ง คาด ได้ตัวจริง ก.พ.นี้แน่ ลั่นชงเรื่อง “จตุพร” ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.ให้ ปธ.สภาฯ กลางเดือนนี้ ก่อนยื่นเรื่องศาล รธน.ทันกุมภาฯ
วันนี้ (9 ม.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาเลขาธิการสำนักงาน กกต.ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ทางอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่สมัครเข้ารับการสรรหา มีด้วยกันจำนวน 8 คน ซึ่งมีทั้งบุคคลภายนอกและภายใน หากพิจารณาขั้นตอนดังกล่าวเสร็จแล้วก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติได้เข้าแสดงวิสัยทัศน์และคัดเลือกโดย กกต.ทั้ง 5 คนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.พ.นี้
ทั้งนี้ ในเรื่องคุณสมบัติอาจมีปัญหากับผู้สมัครบางคน เนื่องจากในครั้งนี้มีการจำกัดคุณสมบัติการทำงานที่เข้มงวดมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นอาจมีผู้สมัครไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ได้ครบทั้งหมด ส่วนกระแสข่าวที่มีผู้สมัครบางคนมีความสนิทสนมกับตน เนื่องจากเป็นนักเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกันนั้น ตนเห็นว่า นักเรียน วปอ.ก็มีจำนวนมากและบุคคลที่มาสมัครเลขา กกต.ก็มาสมัครของด้วยตัวเอง
“ความจริงการเลือกเลขา กกต.เป็นอำนาจของประธาน กกต.ที่จะเสนอใครก็ได้ ที่เห็นว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ ให้ กกต.พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งในอดีตก็เคยมีที่ประธาน กกต.เสนอคนที่ 1 แล้วที่ประชุมไม่เห็นชอบ ประธาน กกต.ก็มีหน้าที่ไปหาคนที่ 2 มา ซึ่งเป็นหน้าที่ของประธาน กกต.แต่ว่าหลักการนี้เปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่กฎหมายและระเบียบต่างๆ ก็ยังคงอยู่ เพราะเมื่อปี 2549 ที่มีการสรรหาเลขา กกต.สถานการณ์ยังคงมีความวุ่นวายอยู่ จึงใช้วิธีการเปิดกว้างให้บุคคลทั่วไป ให้มีโอกาสได้มาแสดงวิสัยทัศน์เหมือนการสอบเข้ามา ในครั้งนี้จึงต้องดำเนินการตามแนวทางนั้น เป็นเรื่องที่ กกต.เห็นว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่ดี ผมไม่ได้ไปชวนท่านใดที่สนิทสนมเป็นพิเศษเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา วปอ.หรือผู้ที่ทำงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเราก็ทำงานเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมด ผมก็ต้องทำใจและวางตัวเป็นกลาง และต้องหาคนที่ดีที่สุด เพื่อให้องค์กร กกต.มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป” ประธาน กกต.กล่าว
ประธาน กกต.กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งเรื่องสิ้นสุดสภาพ ส.ส.ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างที่สำนักวินิจฉัยและคดี ปรับปรุงแก้ไขร่างคำวินิจฉัย ให้มีความชัดเจนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อไม่ให้ประธานสภาฯเกิดข้อสงสัย และส่งเรื่องกลับมายัง กกต.อีก โดยขั้นตอนดังกล่าวนี้กฎหมายไม่ได้บังคับว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลากี่วัน แต่คาดว่า กกต.จะสามารถลงนามได้ภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่า จะสามารถส่งเรื่องถึงประธานสภาฯได้ไม่เกินกลางเดือน ม.ค.นี้ จากนั้นทางสภาฯก็จะประชุมพิจารณากัน หากประชุมเร็ว ก็เชื่อว่า จะสามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในเดือน ก.พ.นี้