ประธานวิปรัฐบาล เล็งยืดเวลาอภิปรายงบปี 55 เพิ่ม 7-8 ม.ค.แต่เชื่อคงไม่ถูกดึงเวลาให้ช้า พร้อมชงสภาพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญ เน้นรูปแบบเร็วที่สุด คาด เริ่มได้ทันสมัยประชุมนี้ เมิน “เฉลิม” แนะยืดเวลาไปอีก 8 เดือน โยน มติพรรคตัดสิน
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงภาพรวมการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ว่า การประชุมที่ผ่านมา ส.ส.ให้ความสนใจและใช้สิทธิ์ในการอภิปรายในส่วนของมาตรา 3-4 ค่อนข้างมาก ทำให้การพิจารณาอาจยังดูไม่คืบหน้า แต่เชื่อว่า หลังจากพ้นในส่วนนี้ และเข้าสู่การพิจารณารายกระทรวงแล้ว จะใช้เวลาน้อยลง ทั้งนี้ ก่อนการประชุมเริ่มขึ้นได้มีการหารือกับวิปฝ่ายค้าน และกำหนดวันประชุม 3 วัน คือ วันที่ 4-6 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 09.30-24.00 น.ซึ่งรวมเวลากว่า 43 ชั่วโมงครึ่ง ดังนั้น จึงเชื่อว่า ช่วงเวลาที่กำหนดไว้น่าจะเพียงพอต่อการพิจารณา
นายอุดมเดช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากมีใช้เวลาเกินกว่าที่จะกำหนดไว้ ก็จะหารือกับ ส.ส.เพื่อขอขยายเวลาออกไปในวันที่ 7-8 ม.ค.เพื่อพิจารณาต่อให้แล้วเสร็จ ก่อนที่วุฒิสภาจะพิจารณาในลำดับต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่า ที่ประชุมจะไม่มีการดึงเวลาให้การพิจารณาให้ล่าช้ามากไปกว่านี้ เพราะหากร่างกฎหมายงบประมาณไม่ผ่านที่ประชุมสภา จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ที่อาจจะต้องมีการรับผิดชอบลาออก หรือยุบสภา หากไม่สามารถออกกฎหมายงบประมาณได้ รวมถึงจะส่งผลต่อสถานภาพของ ส.ส.ชุดนี้ด้วย
นายอุดมเดช ยังได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ยังคงยืนยันตามเดิม และคงจะมีการหารืออีกครั้งเพื่อมอบหมายให้หน่วยงานใด หรือภาคส่วนใดดูแลเป็นหลัก และนอกจากนี้ ส.ส.ในสภา และภาคประชาชนก็พร้อมที่จะรวบรวมรายชื่อกันอยู่ หากทั้ง 3 ส่วนนี้ดำเนินการเข้ามา ที่ประชุมสภาก็จะพิจารณาอีกครั้ง ว่า การดำเนินการในรูปแบบใดที่จะรวดเร็ว และเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ ชัดเจนแล้วว่ากระบวนการทั้งหมดจะเริ่มจากการแก้ไขเพียงมาตรา 291 ก่อนเพื่อเปิดช่องให้มีการแก้ไขและมีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ส่วนเนื้อหาอื่นๆ จะเป็นอย่างไรนั้นจะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร.ที่จะมีการพิจารณา ขณะที่ระยะเวลานั้น เชื่อว่าภายในสมัยนิติบัญญัตินี้จะยื่นเริ่มแก้ไขได้ แต่คงต้องใช้เวลาแก้ไขจนกว่าจะแล้วเสร็จอีกพอสมควร
ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุควรจะชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอีก 8 เดือนนั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม เท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วคงจะขึ้นอยู่กับมติพรรค
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงภาพรวมการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ว่า การประชุมที่ผ่านมา ส.ส.ให้ความสนใจและใช้สิทธิ์ในการอภิปรายในส่วนของมาตรา 3-4 ค่อนข้างมาก ทำให้การพิจารณาอาจยังดูไม่คืบหน้า แต่เชื่อว่า หลังจากพ้นในส่วนนี้ และเข้าสู่การพิจารณารายกระทรวงแล้ว จะใช้เวลาน้อยลง ทั้งนี้ ก่อนการประชุมเริ่มขึ้นได้มีการหารือกับวิปฝ่ายค้าน และกำหนดวันประชุม 3 วัน คือ วันที่ 4-6 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 09.30-24.00 น.ซึ่งรวมเวลากว่า 43 ชั่วโมงครึ่ง ดังนั้น จึงเชื่อว่า ช่วงเวลาที่กำหนดไว้น่าจะเพียงพอต่อการพิจารณา
นายอุดมเดช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากมีใช้เวลาเกินกว่าที่จะกำหนดไว้ ก็จะหารือกับ ส.ส.เพื่อขอขยายเวลาออกไปในวันที่ 7-8 ม.ค.เพื่อพิจารณาต่อให้แล้วเสร็จ ก่อนที่วุฒิสภาจะพิจารณาในลำดับต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่า ที่ประชุมจะไม่มีการดึงเวลาให้การพิจารณาให้ล่าช้ามากไปกว่านี้ เพราะหากร่างกฎหมายงบประมาณไม่ผ่านที่ประชุมสภา จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ที่อาจจะต้องมีการรับผิดชอบลาออก หรือยุบสภา หากไม่สามารถออกกฎหมายงบประมาณได้ รวมถึงจะส่งผลต่อสถานภาพของ ส.ส.ชุดนี้ด้วย
นายอุดมเดช ยังได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ยังคงยืนยันตามเดิม และคงจะมีการหารืออีกครั้งเพื่อมอบหมายให้หน่วยงานใด หรือภาคส่วนใดดูแลเป็นหลัก และนอกจากนี้ ส.ส.ในสภา และภาคประชาชนก็พร้อมที่จะรวบรวมรายชื่อกันอยู่ หากทั้ง 3 ส่วนนี้ดำเนินการเข้ามา ที่ประชุมสภาก็จะพิจารณาอีกครั้ง ว่า การดำเนินการในรูปแบบใดที่จะรวดเร็ว และเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ ชัดเจนแล้วว่ากระบวนการทั้งหมดจะเริ่มจากการแก้ไขเพียงมาตรา 291 ก่อนเพื่อเปิดช่องให้มีการแก้ไขและมีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ส่วนเนื้อหาอื่นๆ จะเป็นอย่างไรนั้นจะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร.ที่จะมีการพิจารณา ขณะที่ระยะเวลานั้น เชื่อว่าภายในสมัยนิติบัญญัตินี้จะยื่นเริ่มแก้ไขได้ แต่คงต้องใช้เวลาแก้ไขจนกว่าจะแล้วเสร็จอีกพอสมควร
ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุควรจะชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอีก 8 เดือนนั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม เท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วคงจะขึ้นอยู่กับมติพรรค