xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กอ๊อด” ชงร่างคณะทำงานร่วมไทย-เขมร เข้า ครม. 10 ม.ค.จ่อพา “ปู” เหยียบผามออีแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
รัฐมนตรีกลาโหม เยือนลาวประเทศแรกในอาเซียน หารือประชุมจีบีซี เล็งสร้างสนามกอล์ฟสามเหลี่ยมมรกตร่วม 3 ชาติ คาด ร่างคณะทำงานร่วมไทย-เขมร ชง ครม.สัปดาห์หน้า รวม 19 คน จ่อกล่อมชาวบ้านค้านถอนทหารเดือนหน้า พร้อมเชิญ “ยิ่งลักษณ์” เหยียบผามออีแดง แสดงตนเป็นของไทย ย้ำ ปรับกำลังตามคำสั่งศาลโลก อ้างเป็นสมาชิกยูเอ็นไม่ทำกลัวมีปัญหา เหมือนเป็นเด็กเกเร เชื่อ ไม่พิพากษาช่วงนี้

วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีของประเทศลาว ว่า นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เลื่อนกำหนดการมาตลอด เนื่องจากติดภารกิจสำคัญของประเทศ จึงถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ตนได้ไปเยี่ยม และถือเป็นประเทศพี่ประเทศน้องกัน สำหรับจุดประสงค์การเดินทางในครั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ และกระทรวงกลาโหม ทั้ง 2 ประเทศที่ดียิ่งอยู่แล้ว และถือเป็นตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างชาติ

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการหารือในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-ลาว (จีบีซี) ครั้งที่ 19 ที่ได้มีการยกเลิกไปในปีที่แล้ว โดยจะจัดให้มีการประชุมในปีนี้ เพียงแต่รอการรับรองจากคณะรัฐมนตรี เนื่องจากปัญหาเรื่องเขตแดนที่เราได้ดำเนินการกันมาเสร็จสิ้นไปแล้ว 98% เหลืออีก 2% เท่านั้น ซึ่งน่าจะจัดการให้เสร็จในครั้งนี้ก็จะมีการพูดคุยในเรื่องนี้ด้วย ในส่วนพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ที่มีประเทศไทย ลาว กัมพูชา ร่วมกันอยู่นั้น เป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์และเคยพูดกันไว้ก่อนหน้านี้ คงต้องมาตกลงกันอีกครั้งว่าต้องเป็นพื้นที่พัฒนาร่วม 3 ชาติ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการท่องเที่ยว สร้างสนามกอล์ฟ 3 สนาม จากไทยไปลาว จากลาวไปกัมพูชา และจากกัมพูชามาไทย ซึ่งการเดินทางไปเยือนครั้งนี้จะวางแผนในเรื่องการพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งต่อไปจะทำให้สร้างงานให้คนในท้องถิ่นได้มาก

ทั้งนี้ จะมีการหารือถึงปัญหาการทำงานร่วมกันระหว่างไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เช่น การร่วมลาดตระเวนร่วมในลุ่มแม่น้ำโขง การลักลอบเข้าเมือง ยาเสพติด ปล้นสะดม ให้สามารถแก้ปัญหาด้วยกันได้ นอกจากนี้ จะติดตามในเรื่องโครงการช่วยเหลือเกี่ยวกับการศึกษา โดยจะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาของลาวด้วย และจะมีการพูดคุยถึงโครงการพระราชดำริที่ สมเด็จพระเทพฯ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือนักศึกษาลาวไว้ ส่วนกรณีสังหารลูกเรือจีน 13 ศพ ในลุ่มแม่น้ำโขงนั้น จีนให้ความไว้วางใจการสอบสวนของไทย โดยให้เป็นเรื่องของศาลไทยเป็นผู้พิจารณา ทางประเทศจีนจะขอรับทราบเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนการลาดตระเวนได้ให้ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าไปดำเนินการในเรื่องของนโยบายและให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ประสานงานร่วมในการรักษาความ ปลอดภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบ

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะทำงานร่วม ไทย-กัมพูชา ในการพิจารณาการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก ว่า ขณะนี้ทางกองทัพไทยได้ส่งเรื่องมายังสำนักนโยบายและแผนของกระทรวงกลาโหม ร่างคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา และเสนอเข้าไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว หากผ่านการอนุมัติจาก ครม.และนายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งคณะทำงานเมื่อใดเราจะได้ร่วมกันดำเนินการต่อไปในเรื่องรายละเอียด คิดว่าอย่างเร็วที่สุดน่าจะเข้า ครม.ได้ในวันที่ 10 ม.ค สำหรับคณะทำงานมีทั้งหมด 19 คน ประกอบด้วย 16 คน มาจาก กระทรวงกลาโหม ตำรวจ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัด และ 3 คน เป็นนักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายตามแนวชายแดน ส่วนที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องการให้ถอนทหารนั้น คงต้องคุยกันในเดือน ก.พ. เพราะนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี

“ผมจะกราบเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีไปที่กองกำลังสุรนารี เพื่อตรวจเยี่ยม รวมถึงประชาชนที่ผามออีแดง ให้ท่านไปยืนตรงนั้น ให้เห็นกันไปเลยว่า ตรงนั้นเป็นแผ่นดินไทย นายกรัฐมนตรีไทยไปยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ และประชาชนจะเข้าใจเองว่าดินแดนทุกส่วนเป็นของไทย ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ทางกองกำลังสุรนารี โดย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 จะเป็นผู้ชี้แจงว่า เราไม่ได้เสีย แต่การที่เราต้องปรับกำลังและทดแทนกำลังนั้นเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งศาลยุติธรรม ที่ให้สองประเทศปฏิบัติ ถ้าประเทศหนึ่งประเทศใดไม่ปฏิบัติ ก็จะมีปัญหา สำหรับประเทศไทยเราเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ คิดว่าทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ แม่ทัพภาคที่ 2 คงอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้ถึงขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้องในการที่จะอยู่ร่วมกัน โดยต้องสร้างความเข้าใจในช่วงนี้ ขณะนี้ยังพูดอะไรก่อนที่สถานการณ์หรือเหตุการณ์จะมีการพัฒนาหรือเกิดขึ้น” รมว.กห.กล่าว

เมื่อถามว่า มีการคาดว่า ศาลโลกจะตัดสินตามคำร้องของกัมพูชาที่ให้มีการตีความคำตัดสินในปี 2505 ในช่วง 2 เดือนนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เพราะทางศาลโลกยังต้องให้เราส่งข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปให้อีกในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน นี้ เพราะฉะนั้นการตัดสินก่อนส่งเอกสารไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ส่งข้อมูลหลังเดือนกุมภาพันธ์ เพราะฉะนั้นจะไม่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้แน่นอน เมื่อถามว่า ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกจะส่งผลกระทบอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ก็เป็นเด็กเกเร จะมีผลต่อการตัดสินของศาลโลกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น