xs
xsm
sm
md
lg

ความเสี่ยงภัยพิบัติ-ศก.รุมเร้า แต่เราพึ่งพานายกฯนกแก้วได้หรือ !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่จำเป็นต้องฟังหมอดูหรือโหรที่ไหน เพราะหากติดตามข่าวสารรวมถึงใช้ระดับมันสมองไม่มากนัก ก็สามารถประเมินได้เองว่าในปีใหม่ 2555 ทั้งชาวโลกและคนไทยทั้งหลายจะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง แน่นอนว่าหากแยกเรื่องภัยพิบัติทั้งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและจากฝีมือของมนุษย์ด้วยกันเอง

อย่างไรก็ดี ถ้าแยกเอาเฉพาะภัยพิบัติทางธรรมชาติมาพิจารณาโดยอ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ที่ระบุว่า จากปี 2554-55 ประเทศในภูมิภาคนี้จะต้องเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงต่อเนื่องกัน นั่นหมายความว่าในปีนี้ (ปี 2555) ประเทศไทยยังมี “ความเสี่ยง” ที่จะต้องเจอกับภัยที่ไม่ปรารถนาดังกล่าว ซึ่งก็ต้องยอมรับกันว่านับจากนี้ “พวกเรา” จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ “ไม่เหมือนเดิม” อีกต่อไปแล้ว โอกาสที่จะเกิดน้ำท่วม คลื่นยักษ์ ภัยแล้ง หรือแม้แต่แผ่นดินไหวได้ตลอดเวลาเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน อะไรก็เกิดขึ้นได้ จำได้หรือไม่ว่าปีก่อนได้เกิดเหตุน้ำท่วมในหน้าแล้งทางภาคใต้

จะว่าไปแล้วส่วนใหญ่ต้นเหตุล้วนมาจากมนุษย์ทั้งสิ้นที่ทำร้ายธรรมชาติ จึงต้องถูกเอาคืนในที่สุด

อีกด้านหนึ่งที่คาดว่าจะหนักหนาสาหัสไม่เบาก็คือ เรื่องปัญหา “ปากท้อง” ของชาวบ้านคนไทยส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงไม่พ้น เนื่องจากได้เห็นสัญญาณร้ายมาตั้งแต่ปลายปีก่อน และจะส่งผลกระทบหนักอย่างชัดเจนในปีนี้ เพราะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเข้ามารุมเร้าประดังเข้ามา

นั่นคือผลกระทบต่อเนื่องมาจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วทำให้วงจรเศรษฐกิจของประเทศได้รับความเสียหายย่อยยับ ไร่นาเสียหาย โรงงานอุตสาหกรรมจมน้ำไม่อาจมีสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง ต้องหยุดชะงักขาดช่วง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะทำให้เกิดการว่างงาน ขาดรายได้ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหายไปค่อนประเทศต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าความเดือดร้อนของเกษตรกรนับล้านคน

นอกเหนือจากนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกประเทศที่เกิดวิกฤตยูโรโซน และเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าล่าสุดเริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้าง แต่ก็เป็นไปอย่างช้าๆ ขณะที่หลายคนเคยมีความหวังจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย หรือแม้แต่ประเทศในอาเซียน แต่ในความเป็นจริงประเทศดังกล่าวเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบจากกลุ่มยุโรปและอเมริกาเช่นเดียวกัน ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง ความหวังจึงไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด

สรุปก็คือในปีนี้ถ้าพิจารณากันจากปัจจัยรอบตัวทั้งภายนอกภายใน มันก็ทำให้มีแนวโน้มว่าจะหนักหนาสาหัสอีกปีหนึ่ง หากว่ากันเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าหนักใจยิ่งกว่านั่นคือ “การเมือง” ที่เริ่มมีการส่งสัญญาณออกมาแล้วว่าจะต้องเดินเครื่องกันเต็มกำลังแน่นอน ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิด ให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ให้เขาได้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง และได้เงินที่ถูกยึดไปกลับมาเท่านั้น รวมไปถึงความเคลื่อนไหวแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะยิ่งทำให้เกิดวิกฤตร้อนแรงซ้ำซ้อนเข้ามาอีก มันก็ยิ่งน่ากลัวเป็นสองเท่า เพราะเป็นเรื่องที่ “อ่อนไหว” ทั้งสิ้น

นั่นเป็นปัญหาและวิกฤตที่เชื่อว่าคนไทยจะต้องเผชิญในปีนี้ และเลี่ยงไม่พ้น ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีความพร้อมในการรับมือมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดี ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นส่วนสำคัญอยู่ที่ว่าเรามีผู้นำและรัฐบาลที่ดี มีประสิทธิภาพแค่ไหน มีความตั้งใจทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่มากแค่ไหนด้วย

ที่ผ่านมาเป็นที่รับรู้กันไปแล้วว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้ฉายาสะท้อนภาพความเป็นจริงจากสื่อมวลชนว่า “นายกฯ นกแก้ว” และ “ดาวดับ” ขณะที่ รัฐบาลก็เป็น “กองบัญชาการทักษิณส่วนหน้า” มันก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าแนวโน้มในปีหน้าผลจะออกมาอย่างไร ผลการทำงาน การบริหารจัดการในช่วงเกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นอย่างไร ประทับใจแค่ไหนนาทีนี้ไม่ต้องมาสาธยายกันอีกต่อไปแล้ว

เมื่อปัจจัยรอบตัวแล้วแล้วแต่เป็นวิกฤติที่รุมเร้าเข้ามา แต่ขณะเดียวกันเมื่อเราพิจารณาจากประสิทธิภาพของรัฐบาลและผู้นำล้วนแล้วแต่น่าเป็นห่วง มีแต่คำถามตามว่า “เอาอยู่หรือไม่” ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงไม่คำตอบตรงกันอยู่ในใจอยู่แล้ว โดยพิสูจน์ให้เห็นจากพฤติกรรมและฝีไม้ลายมือจากวิกฤตน้ำท่วมที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ

แม้ว่าหากมองในแง่ดีไว้บ้างในเรื่องเศรษฐกิจที่บางคนบอกว่ายังไม่น่าเป็นห่วงเพราะประเทศไทยยังมีพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่นั่นต้องหมายความว่ารัฐบาลต้องปล่อยให้ภาคประชาชน เอกชนทำหน้าที่อย่างธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ แต่คราวนี้มันแตกต่างกัน เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณการแทรกแซงเข้ามาในทุกภาคส่วน ก็ยิ่งมีแนวโน้มทำให้เกิดปัญหา

ดังนั้นเมื่อเห็นรูปการณ์แบบนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่คนไทยจะต้องหาทางรับมือแก้ปัญหากันเสียแต่เนิ่นๆ โดยยึดพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวเป็นเครื่องนำทาง นั่นคือความไม่ประมาท อีกทั้งใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมั่นใจได้ว่านี่คือหนทางรอดอย่างแท้จริง ขอให้ทุกคนยึดมั่นและเริ่มทำตั้งแต่บัดนี้ทันที!!
กำลังโหลดความคิดเห็น