“อภิสิทธิ์” เรียกร้องกระทรวงการต่างประเทศสนใจการต่อสู้คดีเขาพระวิหารให้มากกว่านี้ หลังเกิดเหตุการณ์หลายครั้งที่สุ่มเสี่ยงต่อข้ออ้างของเขมรที่จะทำให้ไทยเสียเปรียบ พร้อมขอให้รัฐบาลประกาศเจตนารมณ์ให้ชัดเพื่อฝ่ายประจำจะสามารถเดินหน้าได้อย่างเข้มแข็ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกัมพูชาฟ้องศาลโลกให้วินิจฉัยคำพิพากษาของศาลโลกเกี่ยวกับพื้นที่เขาพระวิหารว่า เรื่องดังกล่าวคงไม่เกินเดือน ก.พ. คาดว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลโลก ซึ่งเราไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร และเราต้องติดตามต่อไปว่าคำวินิจฉัยนั้นจะยุติปัญหา หรือเป็นปมปัญหาขึ้นมาใหม่ ซึ่งคิดว่ารัฐบาลต้องเตรียมตัว
ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศนั้น คิดว่าวันนี้กระทรวงการต่างประเทศต้องเอาใจใส่ต่อแนวการต่อสู้คดี เพราะว่ามาทำกันในรัฐบาลชุดนี้ และที่สำคัญอย่าดูเฉพาะเอกสารที่จะยื่นกับศาล ดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจจะส่งผลหรือมีนัยต่อคดี เช่น เหตุการณ์ยิงเฮลิคอปเตอร์ซึ่งจะมีการพูดคุยเข้าใจผิด ขอโทษกันหรือไม่ แต่จะเห็นว่ากัมพูชาจะมีการออกคำกล่าว หรือ แถลงการณ์ยืนยันในเรื่องเขตแดน แต่กระทรวงการต่างประเทศเรายังเงียบอยู่ในเรื่องนี้
ส่วนตรงจุดนี้จะทำให้เกิดการสุ่มเสี่ยงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมีตัวอย่างกรณีของยูเนสโกที่เข้ามาตรวจสอบพื้นที่บนปราสาทพระวิหาร ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเข้าไปร่วมด้วยและเรื่องอื่นๆ อีก ตรงนี้มีผลทั้งสิ้น รัฐบาล และกระทรวงต่างประเทศ ต้องเอาใจใส่มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะถูกมองได้ว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะสมรู้ร่วมคิดกับทางกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่อ อย่างน้อยที่สุดเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจะไปสมยอมหรือสมรู้ร่วมคิด แต่ฝ่ายนโยบายไม่มีการกำหนดทิศทาง และยืนยันเจตนารมณ์ที่เข้มแข็งที่จะทำให้ฝ่ายประจำสามารถเดินหน้าได้อย่างเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นต้องจับตาดูว่าฝ่ายนโยบายมีวาระอะไรที่มาซ้อนอยู่กับผลประโยชน์ของประชาชน