รมว.กห.ร้องสื่อเลิกใช้ถอนกำลังทหาร ชี้อาจมีปัญหาในอนาคต แนะใช้ปรับกำลังทดแทน ยันเอาตำรวจไปดูแทนไม่ได้ทิ้งพื้นที่ ขู่เจ้าหน้าที่อย่าแอบหนีเที่ยวต้องอยู่เวร ด้านโฆษก กห.เผย รมต.ขอเหล่าทัพเข้มทหารใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก สั่งฟันหากพบพวกนอกรีตโพสต์หมิ่นสถาบัน พร้อมสั่งบิ๊กท็อปบูตถ่ายทอดพระราชดำรัส 5 ธันวาฯ
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีมีสื่อมวลชนใช้คำว่าถอนกำลังทหารในการนำเสนอข่าวว่า อยากจะขอร้อง เพราะล้าสมัยแล้วคำว่าถอนกำลังทหาร ขอให้สื่อมวลชนเลิกใช้ เราไม่ใช้อีกแล้ว เพราะจะมีปัญหาต่อการปฎิบัติและไม่ได้ช่วยประเทศชาติในอนาคต จึงขอให้ใช้คำว่าปรับกำลังทดแทน เพราะฉะนั้นในพื้นที่ที่ทหารเข้าไปอยู่ ถ้ามีการปรับเปลี่ยนเราก็จะเอาตำรวจเข้าไปทดแทนทหาร ทุกจุดที่ทหารเคยเฝ้าดูอยู่เพื่อดูพื้นที่เหล่านั้น ไม่ใช่การถอนทหารออกมาและทิ้งพื้นที่ให้อยู่ในมือของคนอื่น ฝากไปยังสื่อสิ่งพิมพ์ด้วย ที่มักจะใช้คำว่าถอนทหาร นอกจากนี้ หากมีการทดแทนกำลังแล้ว เราจะให้ทหารดูเรื่องยุทธการณ์ด้วยว่า ถ้าตำรวจเข้าไปแล้วอย่าแอบหนีออกมา ต้องอยู่เฝ้าเหมือนทหารอยู่
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมว่า ปัจจุบันมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์กันอย่างกว้างขวาง ทั้งที่เป็นทหารและพลเรือน โดยเผยแพร่ข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเนื่องมาจากมีการตรวจพบเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นจำนวนมาก โดยที่ผู้โพสต์ข้อความมีทั้งคนไทยที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ เป็นขบวนการที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง รมว.กลาโหมจึงขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ได้เข้มงวดกวดขันการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของหน่วยงาน และข้าราชการที่มีการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต หากตรวจพบการใช้งานในลักษณะดังกล่าวให้รายงานผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สถาบันทหารมีหน้าที่ในการพิทักษ์ รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน ซึ่งทหารทุกนายจะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในที่ประชุม รมว.กลาโหมยังขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ถ่ายทอดพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อให้กำลังพลน้อมนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป