ผ่าประเด็นร้อน
ที่ผ่านมา เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกับพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการระหว่างฝ่ายบริหารกับตำรวจ แม้ดูจะช่วยกันดี แต่อีกด้านก็มองได้ว่า “เหลิม”กระโดดเข้ามาแย่งซีนของผบ.ตร.ไปเสียหมดทุกเรื่อง
จนมีเสียงนินทาว่าผบ.ตร.ตัวจริงในยุคนี้มียศแค่ “ร้อยตำรวจเอก”ไม่ใช่พลเอก
กรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่พบในกทม. “เฉลิม”ก็ออกมาฟันธงแทนผบ.ตร.เหมือนทุกเรื่องว่า เป็นระเบิดการเมืองที่แสดงให้เห็นว่า มันคือการเริ่มต้นแล้วของกลุ่มตรงข้ามที่จ้องจะเล่นเกมป่วนตั้งแต่ก่อนสิ้นปี เพื่อหวังจ้องล้มรัฐบาล
“เหลิม”อ้างว่า กลุ่มจ้องป่วนเขย่ารัฐบาล เพื่อหวังจะทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ บริหารประเทศไม่ได้ กำลังเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว โดยการบอกตั้งแต่เกิดเหตุพบระเบิดหน้าสำนักงานสลากฯแล้วว่ารัฐบาลเชื่อว่าอาจเกิดจากฝีมือของคน 4 กลุ่มที่จ้องล้มรัฐบาลคือ
1.กลุ่มผู้สูญเสียอำนาจ 2.กลุ่มที่เคลื่อนไหวประจำ และเคยมีส่วนร่วมกับพวกทำรัฐประหาร 19 กันยายน 49 3.กลุ่มนักการเมือง 4..กลุ่มตำรวจที่เคยผูกพันกับพรรคการเมืองบางพรรค เคยใส่ชุดดำไปไล่ยิงประชาชนแล้วก็มาใส่เครื่องแบบตำรวจ
และคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ก็ขยายความไปว่ากลุ่มนี้มีสมาชิกเช่น "พลเอก พ."ที่เป็นโรคพาร์กินสัน มือสั่น มีตำแหน่งสำคัญชื่อนำหน้าเป็นชื่อจังหวัดแห่งหนึ่งหรือ ป.ฟันดำ และ "ป."ผู้มีเซฟเฮ้าส์ย่านสุขุมวิทให้บุคคลหลายแวดวงไปนั่งกินข้าวกันบ่อยๆ
แม้ว่า ไม่เอ่ยชื่อจริงนามสกุลจริง หรือไขขานอะไรอื่นมากกว่านี้ บอกใบ้เท่านี้ คนในวงการเมือง ก็รู้แล้วว่า “เหลิม-โรงน้ำแข็ง”และบรรดาลูกหาบลิ่วล้อทักษิณ ชินวัตร ต้องการปั้นน้ำเป็นตัวสร้างตัวละครให้โยงไปถึงใคร ให้ได้รับความเสียหาย หวังดึงให้มีชื่ออยู่ในกลุ่มการเมืองจ้องป่วนล้มรัฐบาลด้วยวิธีการนอกระบบ
หมากเกมนี้ถือเป็นแผนสร้างเครดิตให้รัฐบาลว่า ขณะที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังทำงานอย่างหนัก แต่กลับถูกบุคคลบางกลุ่มกำลังวางแผนจะสร้างสถานการณ์ คิดใช้อำนาจนอกระบบมาโค่นล้ม และทำให้สังคมคิดไปต่างๆว่า กลุ่มดังกล่าวนิยมใช้ความรุนแรง อย่างการลอบวางระเบิด และวิธีการนอกประชาธิปไตยมาล้มรัฐบาล
ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเกมถนัดของ “เฉลิม -โรงน้ำแข็ง”กับพวกส.ส.เพื่อไทยอยู่แล้ว คือดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สร้างราคาให้กับตัวเอง
ทั้งที่เวลานี้ เพื่อไทย กุมอำนาจเบ็ดเสร็จแม้จะไม่เด็ดขาดในสายกองทัพ-ทหาร แต่ก็สั่งการได้ทุกเรื่อง ซึ่งแตกต่างอย่างยิ่งกับ 4 กลุ่มหวังโค่นยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่คนรู้กันดีว่าเฉลิมและส.ส.เพื่อไทยหมายถึงคนกลุ่มไหน เพราะคนใน4กลุ่มนั้นไม่ได้กุมอำนาจรัฐแล้ว
ส่วนพวกนักการเมืองที่บอกจะล้มรัฐบาลก็มีการเมืองในสภาฯให้เล่นอยู่แล้ว อีกทั้งเพิ่งผ่านเลือกตั้งมาหมดเงินไปมาก ยังไม่พร้อมสำหรับการจะมาเลือกตั้งอะไรตอนนี้ และนักการเมืองก็ย่อมรู้ดีว่าการจะล้มรัฐบาลไม่ได้ทำกันง่ายๆ รวมทั้งทิศทางตอนนี้ยังไม่เป็นใจ
การใช้รูปแบบก่อกวนด้วยการวางระเบิดที่เฉลิมพยายามสร้างเรื่องขึ้นมา ไม่เป็นผลดีกับกลุ่มใดเลย เพราะคนจะมองว่านิยมความรุนแรง เล่นทางลัด นอกกติกา ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน กลับกันจะยิ่งสร้างคะแนนสงสารเห็นใจในตัวยิ่งลักษณ์มากกว่า
อีกทั้งที่ผ่านมาจะพบอย่างหนึ่งว่า เหตุรุนแรงประเภทระเบิดป่วนเมืองทั้งสถานที่ราชการ-เอกชนและที่สาธารณะ ที่เกิดขึ้นมากทั้งสมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็นการเกิดในช่วงที่เพื่อไทยและระบอบทักษิณไม่ได้กุมอำนาจรัฐทั้งสิ้น หาใช่เกิดในยุคที่เพื่อไทยมีอำนาจ
ยิ่งหากเป็นตัวละครที่เฉลิมบอกว่าเคยมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ทำรัฐประหาร 19 กันยายน 49 ก็จะยิ่งพบว่าหลายคนในกลุ่มนี้นอกจากชราภาพ ขุมกำลังส่วนใหญ่ปลดระวางหมดแล้วในแวดวงราชการหลายสาย แถมตอนนี้คนกลุ่มนี้ระยะหลังก็ดูจะไม่ได้มีการเชื่อมต่อสัมพันธ์อะไรกับพวกกุมอำนาจในกองทัพเลย
ไม่ต้องดูอื่นไกล ขนาดคนที่เคยมีอำนาจมากที่สุดในประเทศ หลัง 19 ก.ย. 49 อย่างพลเอกสนธิ บุญยกลิน อดีตประธานคมช. สมัยอยู่ในอำนาจในฐานะประธานคมช.ทุกคำสั่งเป็นกฎหมายทันที แต่เวลานี้ก็ยังหมดสภาพ ทุกวันนี้ บิ๊กบัง เดินเข้าสภา ยังต้องทำตัวหงิมๆ ไร้เขี้ยวเล็บ
“บิ๊กบัง”ถูกคนตั้งคำถามว่า ไปมีอะไรกับทักษิณหรือไม่กับภารกิจเอาข้อสรุปกมธ.ปรองดองที่ “บิ๊กบัง”เป็นประธานเพื่อทอดสะพานให้เพื่อไทยเอาไปเล่นแร่แปรธาตุ เขียนเป็นกฎหมายปรองดองเพื่อบังหน้ากฎหมายนิรโทษกรรม
คิดอย่างไรก็มองไม่ออกเลยว่า 4 กลุ่มที่เฉลิมและเพื่อไทยบอกคิดจะโค่นยิ่งลักษณ์ ไปเอาศักยภาพอะไรมาทำได้ในตอนนี้ หากทำได้จริงก็ไร้ประโยชน์เพราะตอนนี้สถานการณ์ยังไม่มีเรื่องร้อนพอ สำหรับจุดชนวนให้ผู้คนออกมาขับไล่โค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์
อย่างไรก็ตาม การสร้างนิยาย คน 4 กลุ่มจ้องล้มรัฐบาลของรัฐบาลเพื่อไทย คิดและพูด ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ทำไป แต่จริงหรือไม่จริง ฟังแล้วน่าเชื่อถือหรือไม่ เขาตัดสินกันตั้งแต่เห็นหน้าคนพูดแล้ว
สำหรับเรื่องที่คาดจะเป็นการเติมเชื้อไฟได้ดีในการสร้างความเกลียดชังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือการคืนพาสปอร์ตให้ ทักษิณ ชินวัตร แม้คนจะเห็นว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ปากว่าตาขยิบ ปากบอกไม่ทำอะไรเพื่อทักษิณแต่พฤติกรรมก็เห็นชัดว่าทำเพื่อคนๆ เดียวเพื่อสนองทักษิณ กระนั้น เรื่องคืนพาสปอร์ตให้ทักษิณ หากจับกระแสสังคมก็จะพบว่าแม้คนไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับโกรธแค้นเป็นฟืนเป็นไฟกับรัฐบาล
มีแต่พวกพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาตีโพยตีพายในเรื่องนี้ฝ่ายเดียว แต่ก็จุดกระแสไม่ติด
เท่ากับตอนที่มีข่าวรัฐบาลคิดจะวางแผนอภัยโทษให้ทักษิณกลับไทยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าแม้ทักษิณได้พาสปอร์ต แต่ก็ยังกลับไทยโดยไม่ติดคุกไม่ได้อยู่ดี
คนจะโกรธแค้นมากกว่า หากทักษิณได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลให้กลับไทยโดยไม่ต้องรับโทษผ่านกระบวนการต่างๆอาทิ แก้รธน.-ออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเร่งรีบ