รัฐมนตรีสำนักนายกฯ แถลงเปิดโครงการ ธรรมะ 3 ดี สอบธรรมศึกษา ถวายในหลวง ไม่พร้อมสูบน้ำออกพุทธมณฑล หวั่นซ้ำเติมชาวบ้าน เล็งเริ่มฟื้นฟู 11 ธ.ค.คาด เสียหายเบื้องต้น 800 ล้าน จ่อหาทางป้องกันท่วมซ้ำ โยนอำนาจนายกฯ ปรับ ครม.ไม่กังวลติดโผ
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น.นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเปิดโครงการ “ธรรมะ 3 ดี” คิดดี ทำดี พูดดี รวมพลังคนรุ่นใหม่สอบธรรมศึกษา..สร้างความดีถวายพ่อหลวง 84 พรรษา” ซึ่งจัดโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับสำนักแม่กองธรรมสนามหลวง และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ว่า กิจกรรมดังกล่าวจะมีการเปิดสอบธรรมศึกษาประจำปีการศึกษา 2554 วันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.นี้ พร้อมกันทั่วประเทศ 4,500 สนาม เพื่อส่งเสริมเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้ได้ทำความดีถวายในหลวง ด้วยการศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายสุรวิทย์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยประสบภัยพิบัติ ประชาชนต่างมีความทุกข์และเดือดร้อน รัฐบาลก็ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ แต่การประสบกับภาวะวิกฤตดังกล่าวนี้ ควรนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้โดยเฉพาะหลักขันติธรรม สามัคคีธรรม เพื่อให้สถานการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ขอเชิญชวนคนไทยทุกหมู่เหล่าให้สนใจศึกษาหลักธรรม คำสอน เพื่อให้เกิดความสงบสุข
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการฟื้นฟูพุทธมณฑล จ.นครปฐม ว่า ในช่วงนี้เป็นการปรึกษาหารือกันในรายละเอียด เพราะพุทธมณฑลเป็นเสมือนแอ่งที่บรรจุน้ำไว้จำนวนมาก หากเราดำเนินการสูบน้ำออกตอนนี้ก็จะทำให้ชุมชนต่างๆที่อยู่บริเวณนั้นได้รับผลกระทบ ฉะนั้นจึงจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบก่อน โดยในวันที่ 11 ธ.ค.จะมีการเข้าไปฟื้นฟูในส่วนที่จะสามารถทำได้ก่อน อย่างไรก็ตาม จุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือต้นไม้สำคัญๆซึ่งบางส่วนก็ขุดออกไปบ้างแล้ว
“เราจะเข้าไปฟื้นฟูให้กลับมาให้ใกล้เคียงกับของเดิมให้มากที่สุด ส่วนตัวเลขความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งคงต้องรอหลังจากน้ำลดอีกครั้งว่ามีความเสียหายเท่าใด โดยต้องยอมรับว่าพื้นที่พุทธมลฑล 2,500 ไร่ เป็นแอ่งน้ำ และพื้นที่รับน้ำเก่า หากเราสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ คงจะหาวิธีป้องกันที่จะลดปัญหาน้ำท่วมพุทธมณฑลในโอกาสต่อไป ส่วนงบประมาณฟื้นฟูจะขอความร่วมมือจากวัดต่างๆ กองทุนพุทธมณฑล รวมถึงประชาชนที่จะเข้ามามีส่วนในการบูรณะฟื้นฟู” นพ.สุรวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้ นพ.สุรวิทย์ ยังกล่าวถึงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีชื่ออยู่ในข่ายถูกปรับออกด้วย ว่า เรื่องการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนการทำงานต่างๆตนถือว่าทำงานตามปกติ ไม่กังวลใดๆ และจะทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนกรณีที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องโควตารัฐมนตรีให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ตนยังไม่ทราบข่าว ขณะที่ผลงานที่ ครม.จะต้องส่งต่อนายกฯนั้น ก็เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่กำกับหน่วยงานต่างๆ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้สรุปผลงาน 3 เดือนที่ผ่านมาเพื่อจะได้เสนอผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทราบต่อไป