“ยิ่งลักษณ์” ยันรัฐบาลและกองทัพ เห็นพ้องนำพระราชดำรัสในหลวงบรรเทาทุกข์ประชาชน ชี้ มีจุดยืนเหมือนกัน เพื่อคนในชาติและปกป้องสถาบัน ลั่นไม่ก้าวก่าย ให้เกียรติกัน พร้อมให้ความเป็นธรรมกองทัพตามหลักนิติธรรม ยังไม่พูดแก้ พ.ร.บ.กห.พร้อมตั้ง กก.2 ชุดปกป้องสถาบันและและทำกิจกรรม
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังตรวจเยี่ยมกระทรวงกลาโหม ว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ตรวจเยี่ยมกระทรวงกลาโหม รวมถึงฟังบรรยายจากเหล่าทัพในภารกิจของกระทรวง โดยมีการหารือรายละเอียดของนโยบาย ว่า กองทัพกับ รบ.เป็นส่วนสำคัญที่จะต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้งรัฐบาล และกองทัพ มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ทำอย่างไรในการรักษาความมั่นคง สร้างความปรองดอง ความสงบสุขของคนในชาติ รวมถึงการรักษาเอกราชของประเทศ และที่สำคัญ ต้องร่วมมือกันในการปกป้องสถาบันอันเป็นที่รัก เคารพของคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกันนี้ รัฐบาลและเหล่าทัพเห็นตรงกันในการน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยจะทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกันที่จะบรรเทาความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้ เรื่องการบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องอุทกภัยก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ รบ.และกองทัพจะทำงานร่วมกัน โดยยังคงดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ยังเดือดร้อนจากอุทกภัย ทั้งเรื่องการเยียวยาและการฟื้นฟูจนกว่าจะเสร็จภารกิจ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนที่ต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งในอนาคตคงจะให้ทางกองทัพเข้ามาร่วมกันพัฒนา ฟื้นฟู สาธารณูปโภค ร่วมกับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาอยู่ท่ามกลางกองทัพรู้สึกอย่างไร เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลกับกองทัพเหมือนอยู่กันคนละฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกท่านต้องทำตามภารกิจ หน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และที่มาวันนี้คือทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกับกองทัพ ตราบใดที่มีวัตถุประสงค์และมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อประเทศและคนในชาติ และปกป้องสถาบันร่วมกันนี่คือจุดยืนที่รบ.และเหล่าทัพมีจุดยืนเดียวกัน ท้ายที่สุดคือทำอย่างไรให้ประเทศมีความสงบสุขและสามัคคีปรองดอง
เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่แทรกแซงกองทัพ และมีนโยบายอย่างไรในการดูแลกองทัพ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ กองทัพมีหน้าที่ทำตามนโยบายของรัฐบาลแต่การทำงานโดยหลักการบริหารงานของตนไม่คิดจะก้าวก่าย ซึ่งเรามีหน้าที่มอบนโยบายทางกองทัพก็ต้องรับนโยบายนั้นไปดำเนินการ และเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบจะทำงานร่วมกัน ตราบใดที่เราทำงานบนความให้เกียรติ และความเชื่อใจซึ่งกันและกัน เป็นจุดยืนที่เราจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ตนให้ความสำคัญกับการทำงานบนความเข้าใจซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของการมาตรวจเยี่ยมกองทัพเพื่อให้กองทัพมีโอกาสแลกเปลี่ยนมากกว่าการจะให้เราใช้ลักษณะการสั่งงานอย่างเดียว และเชื่อว่าความเป็นคนไทย ความสามัคคีปรองดอง และเจตนาของทุกคนที่รักชาติมีเหมือนกัน
เมื่อถามว่า เรื่องปรองดองเป็นวาระใหญ่ของรัฐบาลจะขอความร่วมมือจากกองทัพอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า โจทย์แรกต้องกลับไปดูแลความทุกข์ สุข ของประชาชน เพื่อแบ่งเบาภาระความทุกข์ ยาก กินดีอยู่ดี สุดท้ายจึงนำมาซึ่งความสันติสุขและความสามัคคีปรองดอง ที่สำคัญต้องให้ความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อถามว่า กองทัพยังคาใจเรื่องเดินหน้าคดีเสื้อแดงและการแก้ พ.ร.บ.กห.จะให้ความสบายใจอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรมและตราบใดถ้าเรายึดข้อกฏหมายหลักนิติธรรมอันนั้นเป็นสิ่งถูกต้อง และเชื่อว่า ถ้าเรามองด้วนเจตนาว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ขอให้โอกาสและให้ความยุติธรรมกับทุกคน นี่คือ จุดมุ่งหมายที่เราจะทำไม่ใช่ว่ามาแล้วตั้งเป้าหมายก่อน และไม่อยากให้สื่อมองแบบนี้ ตนมาทำงานในฐานะนายกฯ อยากเห็นความสงบสุขของคนในชาติและอยากเห็นความสบายใจในการทำงานร่วมกัน ส่วนเรื่องแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ยังไม่มีการพูดถึง การมาวันนี้เป็นเพียงวาระแรกลำดับต่อไปจะไปเยี่ยมในแต่ละเหล่าทัพ
ต่อข้อถามว่า จุดยืนในการปกป้องสถาบันของรัฐบาลเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทั้ง 2 ทาง โดยเฉพาะเรื่องสถาบันต้องตรวจสอบและปกป้องไม่ให้ใครอ้างอิงสถาบันในทางที่ไม่ถูกต้อง ทางกองทัพก็มีหน่วยดูแลและจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไอซีที ขณะเดียวกัน รบ.จะทำกิจกรรมในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย ทั้งนี้อย่ามองที่กลุ่มจริงๆ แล้วทุกคนมีความจงรักภักดีต่อพระมาหากษัตริย์และอยากเห็นประเทศชาติก้าวไปข้างหน้า