ชาวบ้านลำลูกกา เฮลั่นห้องประชุม หลัง “ประชา” โทร.หารือผู้ว่าฯ กทม.ยอมเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ 1.50 เมตร พร้อมเปิดแนวบิ๊กแบ็กถนนวิภาวดีรังสิต อีก 20-30 เมตร และหินคลุกออก-แผ่นเหล็กกั้น 3 คลองออก
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 25 พ.ย.ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ. ) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรง ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการหารือร่วมกับชาวบ้านหมู่บ้านสีวลี หมู่บ้านเมืองเอก สี่มุมเมือง ที่อยู่ด้านใต้คลองรังสิต และอยู่เหนือคันบิ๊กแบ็ก รวมทั้งตัวแทนชาวบ้านเขตดอนเมือง หลักสี่ คลอง 1-4 ลำลูกกา พร้อมด้วยตัวแทนจากกรมชลประทาน และ กทม. โดยใช้เวลาหารือร่วมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้านลำลูกกา ได้กล่าวในที่ประชุม ว่า การมาเรียกร้องต่อ ศปภ.ในครั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง โดยได้นำรายชื่อชาวบ้าน จำนวน 3,000 รายชื่อ มามอบให้ ศปภ.ด้วย และขอให้ ศปภ.เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์เต็มพิกัด ถ้าทำได้เช่นนั้นชาวลำลูกกาจะรัก กทม.มาก แต่ถ้าน้ำไม่ลดภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ชาวลำลูกกาก็จะขอไปนอนบนมอเตอร์เวย์ 1 วัน
ด้าน พล.ต.อ.ประชา ได้ชี้แจงว่า ขอหารือกับผู้ว่าฯ กทม.ถึงความเป็นไปได้ และระหว่างนั้น พล.ต.อ.ประชา ได้โทรศัพท์หารือกับผู้ว่าฯ กทม.หลังจากนั้น จึงได้แจ้งต่อชาวบ้านลำลูกกา ว่า ผู้ว่าฯ กทม.ได้ตกลงเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ 1.50 เมตร ทำให้ชาวบ้านลำลูกกาส่งเสียงปรบมือดีใจในห้องประชุม
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ในส่วนของหมู่บ้านเมืองเอก ทาง ศปภ.จะเร่งหาทางช่วยระบายน้ำลงคลองเปรมประชากร และคลองรังสิต โดยที่ผ่านมา ได้มีการระดมใช้เครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกอย่างเต็มที่ และเราจะพยายามดำเนินการให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ การดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนติดกับคลองประปา
พล.ต.อ.พงศพัศ ได้กล่าวสรุปผลการประชุมหารือกับตัวแทนชาวบ้านต่างๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ว่า ในวันนี้ประชาชนในหมู่บ้านสีวลี และสี่มุมเมือง ที่อาศัยอยู่บริเวณเหนือ-ใต้คลองรังสิต ใต้คันบิ๊กแบ็ก และประชาชนจากลำลูกกา ซึ่งมีพื้นที่ติดกับเขตสายไหม ที่ได้เดินทางเข้ามาหารือกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำ ถึงแนวทางการระบายน้ำ ออกจากพื้นที่ดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว โดยทาง ศปภ.ได้อาศัยความร่วมมือจากทางกรมชลประทาน และ กทม.ในการช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยหากพื้นที่ใดมีระดับน้ำต่ำกว่าแนวคันกั้นน้ำหรือต่ำกว่าตลิ่งในลำคลอง และต้องการกอบกู้บ้าน หรือชุมชน ทาง ศปภ.พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ และกระสอบทราย นอกจากนี้ ที่ประชุม ศปภ.มีมติให้เปิดคันบิ๊กแบ็กในหลายๆ จุด ซึ่งทาง ผอ.ศปภ.ได้มอบให้ทาง จ.ปทุมธานี รับผิดชอบดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ด้วยการตั้งจุดรับลงทะเบียน เพื่อของรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลโดยให้ตั้งศูนย์ ที่บริเวณศูนย์การค้าเซียร์รังสิต และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ในขณะเดียวกัน ยังขอให้ ผอ.สำนักเขตดอนเมือง เพิ่มจุดเพื่อบริการขอรับเงินช่วยเหลือที่บริเวณหมู่บ้านอยู่เจริญ ซ.วิภาวดี 37 เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมสูง จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถเดินทางออกมาได้
ด้าน นายอานนท์ กล่าวว่า สำหรับมติที่ประชุม ศปภ.ที่มีแนวทางในการเปิดคันบิ๊กแบ็ก ว่า เนื่องจากการซ่อมคันตามแนวพระราชดำริ ซึ่งได้มีการชำรุดอยู่ใน 2 จุด โดยจุดแรกจะอยู่ที่ระยะ 1.6 กม.และจุดที่สอง 300 เมตร รวมทั้งหมด 1.9 กม.คาดว่า จะเสร็จสิ้นภายในวันนี้ โดยแนวคันบิ๊กแบ็กด้านรถไฟสายเหนือด้านคลองรังสิตถึงบริเวณจุดต่อ ถ.วิภาวดีรังสิต เนื่องจากน้ำบริเวณนี้ยังคงมีปริมาณสูงอยู่ หากจะเปิดแนวคันบิ๊กแบ็กทั้งหมดอาจส่งผลกระทบให้น้ำเกิดการไหลบ่า ซึ่งโดยสิ่งแรกที่ต้องดำเนินการ คือ การเปิดคันบิ๊กแบ็กบริเวณ ถ.วิภาวดีขาออก ซึ่งขณะนี้เปิดอยู่ที่ระดับ 8 เมตร แต่ในขณะนี้ได้เปิดจนถึงระดับพื้นถนนแล้ว เพื่อให้รถยนต์สามารถสัญจรไปมาได้ ทั้งนี้ จะมีการเปิดแนวคันบิ๊กแบ็กเพิ่ม จนมาถึงบริเวณทางรถไฟ เป็นระยะประมาณ 20-30 เมตร เพื่อให้น้ำสามรถระบายลงมาตามคลอง และข้ามถนนวิภาวดีรังสิต จนเข้าสู่คลองเปรมประชากรต่อไป
นายอานนท์ กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่ประตูระบายน้ำเปรมประชากร ในส่วนที่เชื่อมต่อกับคลองรังสิตแล้ว เพราะเชื่อว่าจะสามรถรองรับน้ำที่จะไหลเพิ่มเข้ามาได้ นอกจากนี้ ยังต้องมีการปิดแนวคันกั้นน้ำบริเวณยูเทิร์นสะพานแก้ว เพื่อลดปริมาณน้ำ ไม่ให้เข้า ถ.วิภาวดีรังสิต ขณะเดียวกัน ยังได้เพิ่มเครื่องสูบน้ำปริเวณหลักสี่ จำนวน 1 เครื่อง เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาเพิ่มเติม และก็จะมีการเพิ่มเครื่องผลักดันน้ำที่คลองบางเขน บริเวณจุดตัดสะพานประชาชื่น ส่วนทาง จ.ปทุมธานี ก็จะช่วยสนับสนุนการขุดลอกคูคลองอีกทางหนึ่งด้วย ในขณะเดียวกัน การเปิดประตูระบายน้ำบริเวณคลองพระยาสุเรนทร์ ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ได้มีการตกลงกับทาง ศปภ.ให้เปิดประตูระบายน้ำที่ระดับ 1.5 เมตรแล้ว ส่วนบริเวณคลอง 8-10 ที่ จ.ปทุมธานี ก็จะเปิดเพิ่มจนไปอยู่ที่ระดับ 1.14 เมตร เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากคลองหกวาสายล่าง ซึ่งเชื่อว่า หลังจากนี้ปริมาณน้ำจะลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่า ภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ระดับน้ำน่าจะลดจนต่ำกว่าตลิ่งในลำคลอง
