“ศิริโชค” แขวะ “อนุดิษฐ์” เห็นทวิตเตอร์ “ยิ่งลักษณ์” สำคัญกว่าเว็บหมิ่นสถาบัน จี้ ไอซีทีแจ้งเฟซบุ๊ก ยกเลิกหรือแขวนบัญชีหมิ่นฯ ระบุที่ผ่านมาเฟชบุ๊กปิดบัญชีเพราะประชาชนร้องไป ไอซีทีไม่เคยทำอะไรเลย
วันนี้ (24 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเงา (ไอซีที) กล่าวถึงกรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) ออกมาชี้แจงว่าการปิดเว็บไชต์ที่หมิ่นสถาบันนั้นทำได้ยาก เนื่องจาเว็บไซต์ดังกล่าวอยู่ต่างประเทศนั้น ตนไม่แน่ใจว่า น.อ.อนุดิษฐ์มีเจตนาปกป้องคนเหล่านี้ที่มีเจตนาทำร้ายสถาบัน หรือเพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจในงานเทคโนโลยีจริงๆ โดยเฉพาะประเด็นที่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอ้างว่า การเข้าไปใช้บัญชีทวิตเตอร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แตกต่างจากการโพสต์รูปหรือข้อความ ก็เปรียบเสมือนเมื่อโจรเข้าบ้านก็สามารถจับโจรได้ แต่การโพสต์ข้อความและรูปนั้น ตัวตนของผู้กระทำผิดอยู่ต่างประเทศ
นายศิริโชคกล่าวว่า กรณีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ไม่ได้แตกต่างกัน เพราะเซิร์ฟเวอร์นั้นล้วนอยู่ต่างประเทศ และตนขอยืนยันว่า น.อ.อนุดิษฐ์โกหก หรือไม่ก็ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจากบรรดาคนรอบข้าง เพราะตัวตนของผู้กระทำความผิดไม่ได้อยู่ต่างประเทศแน่นอน เนื่องจากภายหลังจากที่ น.อ.อนุดิษฐ์ให้สัมภาษณ์ ตนก็ได้นำข้อมูลบัญชีเฟสบุ๊กที่มีปัญหาประมาณ 50 บัญชี และทำการตรวจสอบในเชิงลับโดยการอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในต่างประเทศ ปรากฏว่า 98% อยู่ในประเทศไทย
นอกจากนี้ กรณีของเฟซบุ๊กยังง่ายกว่าทวิตเตอร์ เพราะผู้กระทำความผิดนั้นทำในประเทศไทย และในสหรัฐอเมริกา เพราะทำให้เฟซบุ๊กเกิดความเสียหาย เนื่องจากมีการใช้บัญชีของเขา ปล่อยไวรัวประเภทมัลแวร์ ขณะที่กรณีทวิตเตอร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นความเสียหายเฉพาะบุคคล
“การที่คุณอนุดิษฐ์ยกตัวอย่างกรณีทวิตเตอร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเปรียบเสมือโจรเข้าบ้าน ผมคิดว่ากรณีเว็บหมิ่นสถาบันยิ่งกว่าโจรเข้าบ้านเสียอีก เพราะนอกจากจะเอาบ้านมาเป็นซ่องโจรแล้ว และยังปล่อยไวรัสไปทำลายบ้านอื่นๆ ในหมู่บ้าน เจ้าของบ้านอย่างเฟซบุ๊ก ย่อมไม่พอใจและพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยโดยคุณอนุดิษฐ์ไม่มีทีท่าที่จะประสานงานขอเส้นทางการทำความผิด หรือ IP จากเฟซบุ๊กเลย หรือถือว่าบ้านนี้มีความสำคัญน้อยกว่าบ้านของคุณยิ่งลักษณ์”
นายศิริโชคยังกล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องไปถึง น.อ.อนุดิษฐ์ให้ดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด นอกจากจะแจ้งให้เฟซบุ๊กจัดการยกเลิกหรือแขวนบัญชีดังกล่าวแล้ว จะต้องดำเนินการเอาคนเหล่านั้นมาลงโทษ การที่บัญชีเฟซบุ๊กในอดีตที่ปิดไปแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นการทำงานของภาคประชาชนที่ทำการรายงานไปยังเฟซบุ๊ก ยังไม่ได้เป็นผลงานของกระทรวงไอซีทีแต่อย่างใด