ครม.มีมติให้เลื่อนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท จากต้นปี 2555 เป็น 1 เม.ย.2555 อ้างช่วยบรรเทาทุกข์ผู้ประกอบการหลังประสบปัญหาอุทกภัย
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เลื่อนกำหนดปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ออกไปเป็น 1 เม.ย.55 จากเดิมที่จะเริ่มได้ตั้งแต่ 1 ม.ค.55 ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของกิจการหลังประสบกับปัญหาอุทกภัย
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน เสนอให้มีการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2555 ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลาง มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 40% ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้มี 7 จังหวัดที่ได้ค่าจ้างถึง 300 บาท
“ครม.มีมติเลื่อนปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ออกไปเป็น 1 เม.ย.ปีหน้า เริ่มก่อน 7 จังหวัด คาดว่าจะได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ 1 เม.ย.56” รองโฆษก กล่าว
อย่างไรก็ดี คาดว่า แรงงานจะได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บ./วัน เท่ากันทั้งระบบทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.56
อนุมัติ ปรับเงินเดือนนายทหารยศประทวนเท่าเทียมตำรวจ
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ โดยปกติแล้วข้าราชการทหารและข้าราชการตำรวจในระดับชั้นยศเดียวกันจะได้รับเงินเดือนในระดับและอัตราเดียวกันแต่เมื่อพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มีผลบังคับใช้ ทำให้ข้าราชการทหารและข้าราชการตำรวจบางชั้นยศมีระดับเงินเดือนที่แตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้ข้าราชการทหารและข้าราชการตำรวจในระดับชั้นยศเดียวกันได้รับเงินเดือนที่ไม่เหลื่อมล้ำกัน จึงจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 ดังกล่าว เพื่อให้นายทหารประทวนชั้นยศจ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก อัตราเงินเดือนจ่าสิบเอกพิเศษ พันจ่าเอกพิเศษ พันจ่าอากาศเอกพิเศษ และนายทหารสัญญาบัตรชั้นยศร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี ถึงร้อยเอก เรือเอก เรืออากาศเอก มีสิทธิได้รับเงินเดือนในระดับที่สูงขึ้น
เห็นชอบหลักการลงทุนขับเคลื่อนเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
นายอนุสรณ์ แถลงอีกว่า ครม.เห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยฉบับปรับปรุง สำหรับจัดสรรวงเงินในส่วนของภาครัฐ จำนวน 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนในปีแรก จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพิจารณาจัดสรรวงเงินที่เหลือจำนวน 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CFT) ต่อไป
แต่งตั้งกรรมการฮัจญ์
นายอนุสรณ์ แถลงด้วยว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย จำนวน 2 คน ประกอบด้วย 1. นายมุข สุไลมาน 2. นายฟารุค วงษ์บริสุทธิ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
แต่งตั้ง “อรัญ” นั่ง กก.กฟผ.
นายอนุสรณ์ แถลงต่อว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแต่งตั้งนายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
อนุมัติโยกย้าย ขรก.พลังงาน
นายอนุสรณ์ แถลงอีกว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย ดังนี้ นายอธิปัตย์ บำรุง หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน และนางบุญราศี ทองเป็นใหญ่ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิแพทย์แผนไทย
นายอนุสรณ์ แถลงด้วยว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอแต่งตั้ง นายประดิษฐ สินธวณรงค์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา 13(6) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
ตั้ง “เทียนฉาย” นั่งประธานศูนย์คุณธรรม
นายอนุสรณ์ ยังแถลงอีกว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม ตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2554 ดังนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธานกรรมการ และแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณุวุฒิจำนวน 6 คน คือ นายวัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ นายสิน สื่อสวน น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ศ.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ พลโท นิวัติ บูรณะกุล และนางทิฆัมพร กองสอน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
แต่งตั้งบอร์ด ธ.ก.ส.แทนกรรมการเดิม
นายอนุสรณ์ แถลงว่า ครม.เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย แทนกรรมการที่อายุครบ 65 ปี กรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง และกรรมการที่ครบวาระ จำนวน 5 คน ดังนี้ นายประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธานกรรมการ กรรมการอื่นประกอบด้วย นายเข็มชัย ชุติวงศ์ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล นายเฉลิมชัย จีนะวิจารณะ โดยให้เริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป ยกเว้น นายเข็มชัย ชุติวงศ์ ให้เริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมีมติอนุมัติ
ตั้งบอร์ดการนิคมฯ “บิ๊กเยิ้ม” โผล่นั่งกรรมการ
นายแถลงอีกว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชุดใหม่ จำนวน 9 คน ดังนี้ นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี เป็นประธานกรรมการ และกรรมการประกอบด้วย นายนนทิกร กาญจนะจิตรา นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร (แม่ทัพภาคที่ 2) นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ นายสมหมาย โค้วคชาภรณ์ และ น.ส.เพรามาตร หันตรา (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
ตั้ง “สมชาติ” นั่ง ผอ.สำนักงานสลากฯ คนใหม่
นายอนุสรณ์ แถลงด้วยว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายสมชาติ วงศ์วัฒนศานต์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในอัตรา 280,000 บาทต่อเดือน และเมื่อครบกำหนดทุกๆ 1 ปี อาจปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของค่าตอบแทนคงที่ที่ได้รับตามผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
ให้ลาอุปสมบท 15 วันได้ โดยไม่เป็นวันลา
ด้านนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ5 ธันวาคม 2554 เป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่การเตรียมการอุปสมบทจนถึงการลาสิขาบท และไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและรับเงินเดือนปกติ