“ชูวิทย์” อัด นักการเมืองขวาง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ล้วนเคยได้ดี เพราะ “แม้ว” ยอมรับมุ่งช่วยคนเดียว แต่คนอื่นได้อานิสงส์ด้วย ชมคนต้นคิดฉลาดล้ำลึก อ้างคนเป็นหมื่นจะได้ประโยชน์พร้อมตัวเอง แฉ 4 รมต.คนปูดมติ ครม.ลับ อัด ปชป.ยื่นซักฟอก “ประชา” ใกล้ปิดสภา เหมือนลิเกมาโหมตอนใกล้ลาโรง แจงไม่ร่วมเซ็นชื่อในญัตติ เพราะไม่เคยเห็นหัว
วันที่ 18 พ.ย.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษที่กำลังเป็นที่ถกเถียงของสังคมขณะนี้ ว่า ประเด็นนี้หลายคนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีนักการเมืองหลายคนออกมาให้สัมภาษณ์คัดค้าน ทั้งที่หลายคนต่างก็เคยได้ดีเติบโตมาได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ในอดีต เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พอเวลาไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นชัดจากการเลือกตั้งคราวที่ผ่านมา มีบางพรรคที่พูดว่าน้ำดี ก็พิสูจน์มาแล้วว่า สุดท้ายได้ ส.ส.มากี่คน ที่พูดได้เพราะกระแส อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัวเรื่อง พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น เชื่อว่า มุ่งไปที่การช่วยเหลือคนเพียงคนเดียวตามที่มีการวิจารณ์กัน แต่ก็ขอถามว่า แล้วมันมีคนอื่นได้รับอานิสงส์นี้ด้วยหรือไม่ เพราะเขาปล่อยคนเป็นหมื่น
“ผมไม่อยากพูดมากไป เพราะวันหนึ่งหากผมติดคุก คนในคุก มันฝนแปรงสีฟันให้แหลม และรอเสียบพุงผมอยู่ มันมีอยู่หลายหมื่นคนที่พลอยจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปด้วย ผมคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองแน่นอน และผมเชื่อว่า คนที่คิดเรื่องนี้มาก็ฉลาดล้ำลึก เพราะอ้างได้ถึงคนอีกสองสามหมื่นคน ที่จะได้ประโยชน์พร้อมตัวเอง เราก็รู้กันอยู่ว่า เค้าชอบยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว” นายชูวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ออกมาระบุพาดพิงถึงรัฐมนตรีใน ครม.ชุดนี้ บางคนที่มาเผยแพร่ข่าวการออกมติ ครม.กรณี พ.ร.ฎ.ขออภัยโทษ ว่า เป็นหนอนบ่อนไส้นั้น มีใครบ้าง นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีใคร แต่ฟังผู้ใหญ่ในรัฐบาล บางคนเขาเอ่ยให้ฟังว่า มี 4 รัฐมนตรี คนที่ 1 เป็นรัฐมนตรีที่กำลังจะแต่งงาน คนที่ 2 เป็นรัฐมนตรีที่ชื่อสั้นๆ ไม่กี่พยางค์ แต่ความหมายยาว ตัวป้อมๆ คนที่ 3 เป็นรัฐมนตรีพรรคร่วม คุมกระทรวง อ.และคนที่ 4 เป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเอง คุมกระทรวงใหญ่ แต่เพราะอยากเอาใจสื่อ บริหารงานก็งั้นๆ ไปได้ เพราะมีผู้ใหญ่หนุนประเภทน้ำเลี้ยงดี จึงเอาเรื่องนี้มาปูดจนกลายเป็นเรื่อง ส่วนจะเป็นใครนั้นตนก็ฟังเขามาอีกที จึงไม่รู้ว่าชื่อจริงชื่ออะไร
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ.เนื่องจากมีหลักฐานปรากฏชัดว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ 265 และ 266 และบริหารราชการล้มเหลวจงใจให้เกิดการทุจริต ว่า เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์คุยว่าเป็นหมัดเด็ด เพราะเรื่องสำคัญไม่ใช่จะใช้กระแสส่งท้ายก่อนปิดสมัยการประชุมสภาในสมัยนี้ เพราะสมัยการประชุมครั้งหน้า จะเป็นสมัยสภานิติบัญญัติ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่หลายคนเขารู้ทัน ก็บอกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เหมือนลิเกมาโหมเอาช่วงจะลาโรงใกล้ปิดฉาก มันมีอะไรหรือไม่ และที่ผ่านมา ในการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่เคยเรียกตนเข้าร่วมประชุม แต่พอจะขอมติพรรคร่วมฝ่ายค้านกลับส่งคนมาขอลายเซ็นให้ร่วมด้วย แม้กระทั่งในการอภิปรายเรื่องน้ำท่วมยังจัดให้ตนพูดเป็นคนท้ายๆ เขาไม่เคยให้เกียรติ เพราะเห็นพรรครักประเทศไทย มีแค่ 4 เสียง ก็ไม่เป็นไร ครั้งนี้ตนจึงไม่ได้เซ็นร่วมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่เขาต้องการ ถ้าให้เกียรติกัน แค่ให้ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ โทร.มาบอกกล่าว ก็โอเค แต่มันไม่มี
“ช่างกลึงยังต้องพึ่งช่างชัก ช่างสลักยังต้องพึ่งช่างเขียน ช่างรู้ยังต้องพึ่งช่างเรียน ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใคร แล้วชูวิทย์ มีประโยชน์อะไรมีแค่ 4 เสียงเอง ผมมันประเภทใบตองถึงเวลาห่อขนมถึงจะใช้ผม พอไม่มีประโยชน์ก็ไม่คิดถึงมันน่าช้ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ผมไม่เคยได้ร่วมประชุมฝ่ายค้านเลยสักครั้งเดียว” นายชูวิทย์ กล่าว