ผ่าประเด็นร้อน
สภาพความสับสนอลหม่านในหลายพื้นที่ มีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านต่อชาวบ้าน ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กำลังเกิดขึ้น หรือเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เหมือนกับว่าไม่มีผู้นำบริหารประเทศอีกต่อไปแล้ว
การกล่าวแบบนี้รับรองว่าไม่มีทางเกินเลยเด็ดขาด ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นชัดๆเช่น ที่ประตูระบายน้ำหลายแห่งทั้งที่รังสิต ปทุมธานี คลองสามวา และหมาดๆที่เหนือคันกั้นน้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตที่มีชาวบ้านชุมชนดอนเมืองกว่ายี่สิบชุมชนมาประท้วงกดดันให้เปิดคันกั้นน้ำที่นำถุงขนาดใหญ่(บิ๊กแบ็ก) มาวางเอาไว้ออกไป
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งการเรียกร้อง ชุมนุมกดดันของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐเต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขาดการประสานงาน ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายแทบทุกครั้ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการขาดการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ ขาดการประสานงานที่ดีดังกล่าวข้างต้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้อำนวยการ ลักษณะไม่ต่างจากหนังหน้าไฟ ยังเป็นการผิดฝาผิดตัว แม้ว่าในความเป็นจะมี นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาคอยกำกับดูแล นั่งเป็นประธานการประชุมอยู่ด้วยเกือบทุกครั้ง แต่การบริหารสั่งการก็เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
เพราะขนาดสำนักงานของ ศูนย์ปฏิบัติการฯดังกล่าวยังต้องอพยพหนีน้ำกันชุลมุนวุ่นวาย และแม้มาปักหลักอยู่ที่อาคารเอนเนยีคอมเพล็กซ์ชั้นที่ 15 ของกระทรวงพลังงาน น้ำคงขึ้นลิฟท์ไปท่วมไม่ถึงแน่ แต่ที่ผ่านมาน้ำก็ได้ไหลบ่ามาล้อมรอบอาคารอยู่แล้ว
หลายฝ่ายสรุปตรงกันว่าปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คราวนี้เกิดขึ้นเป็นเพราะขาดการบริหารจัดการน้ำ เกิดจากความล้มเหลว ไม่รู้เรื่องของผู้นำเพียงคนเดียว เนื่องจากการกักเก็บหรือปล่อยน้ำล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมและสั่งการโดย “คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ”ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่ง ดังนั้นเมื่อ ยิ่งลักษณ์ เข้ามาเป็นผู้นำมีการตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อกว่าสามเดือนที่แล้ว ก็ต้องมีการคำนวณมีการปล่อยและกักเก็บให้เหมาะสม จะไปอ้างว่าคนนั้นคนนี้ กักน้ำ-อมน้ำ เพื่อปัดความรับผิดชอบไม่ได้เป็นอันขาด
อีกทั้งตัวเองก็มีอำนาจอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพรรคพวกของตัวเอง กระชับอำนาจ อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาอยู่ที่สติปัญญาของตัวผู้นำนั่นเอง
แน่นอนว่าการชุมนุมประท้วงของชาวบ้านเพื่อกดดันให้รัฐบาลเปิดคันกั้นน้ำ เปิดประตูระบายน้ำเกิดจากความเดือดร้อน ทุกข์ร้อนอย่างแสนสาหัส แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการขาดการประสานงาน ทำความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เพราะหากสำรวจแทบทุกพื้นที่ที่เกิดปัญหาส่วนใหญ่แล้วเนื่องจากชาวบ้านได้รับข้อมูลที่สับสน
ที่สำคัญไม่เคยเข้าไปประสานงานดูแลความทุกข์ร้อนของชาวบ้านในบริเวณที่เป็นพื้นที่รับน้ำ หรือเป็นทางผ่านของน้ำ ที่น้ำต้องท่วมขังสูงและยาวนาน รัฐบาลไม่เคยส่งตัวแทนไปให้ความช่วยเหลือและสำรวจเพื่อหาทางเยียวยาในอนาคตอย่างเหมาะสม และเป็นธรรม ตรงกันข้ามทุกอย่างปล่อยกันไปแบบตามมีตามเกิด ปล่อยให้ผู้นำชุมชนมีความคิดและจินตนาการกันไปเอง หาทางช่วยเหลือกันเอง ขณะเดียวกันยังปล่อยให้กลุ่มการเมือง ส.ส.ในพื้นที่เข้ามามีบทบาทสร้างความวุ่นวาย ทำให้การบริหารจัดการน้ำขาดหลักวิชาการที่เป็นเหตุเป็นผล
เมื่อสภาพเป็นแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเกิดข่าวลือต่างๆนานา จนเกิดความโกลาหล เกิดความขัดแย้งจนวุ่นวายไปทั่ว
เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นที่แนวคันกั้นน้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นมาอีก เมื่อชาวบ้านในชุมชนย่านดอนเมืองกว่า 20 ชุมชนออกมาประท้วงซ้ำอีกเรียกร้องให้รื้อแนวคันกั้นน้ำออกไป พร้อมขู่ว่าหากไม่ทำตามจะปิดดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักสำหรับเดินทางไปภาคเหนือและอีสาน ซึ่งต่อมาตามข่าวก็เข้าใจกันว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการฯโดยผู้อำนวยการศูนย์ฯคือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้มอบหมายให้ การุณ โหสกุล ในฐานะที่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่เข้าไปเจรจา และได้ข้อสรุปว่าจะมีการรื้อบิ๊กแบ็กให้ขยายกว้างเพิ่มขึ้นกว่าเดิม และในวันรุ่งขึ้น( 14 พฤศจิกายน) ภายในเวลา 18.00 น. ก็จะรื้อแนวบิ๊กแบ็กออกให้หมด
แต่หลังจากที่ การุณ ให้สัมภาษณ์ โชว์ภาพฮีโร่ไปได้ไม่ถึงห้านาที ผู้สื่อข่าวก้ไปสัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ว่าตกลงจะให้รื้อบิ๊กแบ็กหรือไม่ คือตอบก็คือไม่ให้รื้อ และศูนย์ปฏิบัติการฯก็ยังไม่ได้หารือและมีมติในเรื่องนี้ ถัดมาหลังจากนั้นประมาณ 4 ทุ่มคืนเดียวกันก็มีคำสั่งไปถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้เข้ามาดูแลจัดการในเรื่องคันกั้นน้ำทันที
สรุปจากความเคลื่อนไหวและปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดบอกได้คำเดียวว่า โง่ ห่วยแตก ทำงานใหญ่ระดับชาติในภาวะวิกฤติ แต่ทำไมประเทศถึงโชคร้ายซ้ำซ้อนได้ผู้นำประเภทนี้เข้ามารับผิดชอบต่อความเป็นความตายของชาวบ้านนับล้าน เพราะความไม่เอาไหนเราถึงได้เห็นการเข้ามาวุ่นวายของนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ไม่ต่างจากกุ๊ย อันธพาลที่ไร้ค่าอย่างไม่หยุดหย่อน !!