“อนุดิษฐ์” ยืนยัน ศปภ.ให้ชาวดอนเมืองรื้อบิ๊กแบ็กจริง แต่เป็นส่วนที่อยู่ลึกลงไปใต้น้ำ เพื่อบรรเทาทุกข์จากน้ำท่วม อ้างไม่ส่งผลให้น้ำไหลเข้า กทม.ขณที่ โฆษก ศปภ.ยันเดินหน้าซ่อมบิ๊กแบ็กที่ถูกรื้อให้เสร็จวันนี้ บอกทำความเข้าใจชาวบ้านเรียบรัอยแล้ว หลังมอบผู้ว่าฯเยียวยา
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนเขตดอนเมืองเข้ารื้อคันกั้นน้ำบิ๊กแบ็ก ว่า กรณีดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย.โดยตัวแทนชุนชนจากเขตดอนเมืองประมาณ 200 คน ได้มายื่นหนังสือเรียกร้องให้ ศปภ.ทำการเปิดคันบิ๊กแบ็กออกบางส่วน เพื่อให้ระดับน้ำลดลง พร้อมทั้งระบุว่า หาก ศปภ.ไม่ยอมเปิดคันบิ๊กแบ็ก จะทำการปิดดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งในวันดังกล่าวได้หารือกันจนได้ข้อยุติ
ต่อมาในวันที่ 13 พ.ย.ก็มีการเรียกร้องเช่นเดิม ดังนั้น ศปภ.จึงได้มีหารือไปยัง กทม.ว่า จะทำอย่างไร โดยส่ง นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เข้าไปทำความเข้าใจ ก่อนที่จะหารือกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และ กทม.ได้ข้อยุติเบื้องต้นเพื่อบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน จึงได้มีการนำบิ๊กแบ็กออกบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ลึกลงไปใต้น้ำในช่องบิ๊กแบ็กที่เปิดไว้เดิมอยู่แล้ว 6-8 เมตร ไม่ได้มีการเปิดขยายความกว้าง 20-30 เมตร แต่อย่างใด
ทั้งนี้ การรื้อคันบิ๊กแบ็กดังกล่าวออก เพื่อต้องการให้เรือสัญจรไปมาได้ ตามที่ประชาชนเขตดอนเมืองร้องขอ และการรื้อเพิ่มความลึกลักษณะนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำที่ไหลเข้า กทม.แต่อย่างใด สังเกตได้จากระดับน้ำที่ 5 แยกลาดพร้าวยังลดลงต่อเนื่อง
“เราพยายามบรรเทาทุกข์และสร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้านที่อยู่เหนือคันบิ๊กแบ็ก แต่ยืนยันว่า การดำเนินการของเรา ไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ กทม.อีกทั้งน้ำใน กทม.ก็ลดลง เราจะดำเนินการใดๆ จะต้องคิดถึงภาพใหญ่ ขณะเดียวกัน สิ่งไหนบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านได้ก็จะทำ ขณะนี้มีสัญญาณที่ดีที่น้ำเหนือคันบิ๊กแบ็กก็ลดลงทุกวัน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราได้คุยกันจนเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่ายแล้ว” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษก ศปภ. กล่าวว่า จะมีการเร่งซ่อมแซมแนวคันบิ๊กแบ็กย่านดอนเมือง ที่ประชาชนรื้อออกให้แล้วเสร็จให้ได้ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปดูแลในพื้นที่แล้ว อีกทั้งประชาชนก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด โดยทางตัวแทนของชุมชนก็ยินดีที่จะให้ทาง กทม.เข้าไปซ่อมแซมให้กลับคืนมาเหมือนเดิม เพียงแต่ขอให้เปิดช่องทางเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรทางเรือได้ด้วย แต่การเปิดช่องทางดังกล่าวจะต้องไม่ส่งผลกระทบกับการระบายน้ำของ กทม.ด้วย
ซึ่งในวันนี้ทาง ศปภ.ก็จะมีการหารือร่วมกันกับ กทม.ถึงแนวทางป้องกันดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้ระดับน้ำมีปริมาณสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อประชน ทั้งนี้ ทางตัวแทนของ กทม.ได้ยืนยันว่า หากเปิดช่องทางสัญจรทางเรือไม่เกิน 6 เมตร ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำของ กทม.อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับประชาชนถึงมาตรการการเยียวยาความทุกร้อนต่างๆ แต่เรื่องการใช้เรือสัญจรไปมานั้น ถือว่ามีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง ศปภ.ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประชาชนไม่ยอมจะมีมาตรการอย่างไร พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ล่าสุดทาง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และ ผอ.ศปภ.ได้มีการประสานว่าหากอยู่ในระดับ 6 เมตร ทุกอย่างก็โอเค เมื่อถามต่อว่าจะมีมาตรการเยียวยากับประชาชนที่อยู่หลังแนวคันบิ๊กแบ็กอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้หลักการไว้ว่า จะให้ผู้ว่าฯ กทม.และผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากในแต่ละจังหวัดมีเงินสนับสนุนอยู่แล้ว เพื่อจะเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งกรณีดังกล่าวต้องดูความจำเป็นว่าบ้านใดได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความพึงพอใจ
“ทุกวันนี้ประชาชนที่อยู่เขตดอนเมืองทุกข์ทรมานมากนานมากแล้ว ทุกฝ่ายเกิดความเห็นใจ แต่ก็ต้องมาหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าที่ตรงกัน”
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปทำงานในพื้นที่ ก็จะมีส่วนเข้าไปช่วยอธิบาย เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและทราบข้อเท็จจริง ซึ่งเท่าที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะพื้นที่ใดหากเกิดความเข้าใจว่ากระบวนการบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างไร ที่จะไม่มีปัญหา
ส่วนกรณีดังกล่าวมีปัญหาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะแม้กระทั่ง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ยังออกมาระบุว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เรื่องนี้เราต้องแก้ไขให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องของบิ๊กแบ็ก ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลและมติที่ประชุม เพื่อให้ไปดำเนินการเนื่องจากเป็นทรัพย์สินของรัฐบาล ดังนั้น หากใครไปทำลายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะพยายามเข้าไปป้องกันและระมัดระวัง รวมทั้งทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย โดยนโยบายของ ผบ.ตร.และนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการที่จะดำเนินคดีหรือสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม แต่เราต้องการชี้แจงว่า การที่ประชาชนจะทำสิ่งใดนั้นควรจะมีเหตุและมีผล และการทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมายเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องรักษากฎหมาย และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะจัดการกับผู้ที่ทำลายแนวคันบิ๊กแบ๊กอย่างเด็ดขาด กรณีนี้จะมีการละเว้นหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนี้ไม่เชิงเป็นการละเว้น แต่ใครไปทำสิ่งใดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีภาพ ซึ่งเราก็สามารถรู้ได้ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ในภาวะเช่นนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะระมัดระวัง ที่จะไม่ซ้ำเติมความทุกร้อนของประชาชน แต่หากมีการทำผิดกฎหมายที่ชัดเจน และละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อคนส่วนรวม
ต่อข้อถามว่า จะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันการทำลายแนวคันบิ๊กแบ็กหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตลอดแนวคันบิ๊กแบ๊กได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้อยู่แล้ว แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ถือเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่ตำรวจไม่สามารถป้องกันได้ ทั้งนี้เข้าใจว่าคงจะเกิดจากความเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้คงจะมีข้อสรุปปละข้อตกลงที่ชัดเจน