“ยงยุทธ” โยนดีเอสไอสอบทุจริตถุงยังชีพ เผย “ปู” สั่งโอนเงิน 50 ล้านให้ กทม. พร้อมจี้ผู้ว่าฯ สั่ง ผอ.เขตสำรวจยอด ปชช.อุทกภัยน้ำท่วมเริ่มจ่ายได้สัปดาห์หน้า ลั่นไม่ยอมให้รื้อถุงบิ๊กแบ็กเพิ่ม แต่เยียวยาพิเศษ ปชช.เหนือคันกั้นน้ำ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการกล่าวหาทุจริตถุงยังชีพว่า วันนี้ (14 พ.ย.) ปลัดกระทรวงมหาดไทยจะได้นำข้อร้องเรียนไปยื่นให้กับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และเป็นที่ยอมรับไม่เกิดข้อกังขา เนื่องจากมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานกลาง และหากพบผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินการลงโทษ และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ป.ป.ท. เป็นต้น
นายยงยุทธกล่าวว่า ในส่วนสถานะภาพการปกครองของกรุงเทพมหานคร ซึ่งแตกต่างกับจังหวัดในภูมิภาคอื่นๆ เป็นการปกครองท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ ดังนั้น ปัญหาเรื่องของเงิน 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณประจำจังหวัดที่ใช้จ่ายในกรณีภาวะฉุกเฉินและสามารถขยายวงเงินต่อไปได้ นายกรัฐมนตรีจึงให้ตนโอนเงินในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งเป็นเงินงวดแรก 50 ล้านบาท และหากมีความจำเป็นขอขยายต่อได้อีกเหมือนจังหวัดต่างๆ
นอกจากนี้ ขอให้ กทม.เร่งทำการสำรวจความเสียหายของพี่น้องประชาชนในเขตต่างๆ ของ กทม.ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ทั้งในเรื่องปัญหาของเงิน 5,000 บาท และที่พักอาศัยที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงกรณีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากปัญหาอุทกภัย และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศของ กทม.ความแตกต่างชุมชนมีความหนาแน่น มีอาคารสูงเป็นจำนวนมาก จึงเป็นปัญหาในเรื่องการช่วยเหลือ ระหว่างบ้านและอาคารสูง จะมีการช่วยเหลือแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งจากปัญหาตรงนี้การพิจารณาช่วยเหลือ ก็อาจจะมีความแตกต่างกับในส่วนภูมิภาค ซึ่งตรงนี้ไม่ใช้ความแบ่งแยก แต่สภาพการณ์แตกต่างกัน คณะกรรมการเยียวยาก็จะมีการพิจารณา รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากทาง กทม.ว่าจะมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างไร ที่อยากจะเร่งให้ กทม.สำรวจ ซึ่งเบื้องต้นสำรวจพบมีประชาชนเดือดร้อนกว่าแสนราย และงบประมาณที่รัฐบาลช่วยเหลือไปรอบแรกจำนวนเงิน 3 พันกว่าล้านบาท โดยงวดแรกจะสามารถจ่ายได้ในสัปดาห์หน้า
นายยงยุทธกล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านอยู่เหนือคันกั้นน้ำถุงบิ๊กแบ็กบริเวณตรงหน้า สน.ดอนเมือง ได้รับความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำที่สูง และได้เข้ารื้อคันบิ๊กแบ็กจนทำให้น้ำเข้า กทม.มากขึ้น นายยงยุทธกล่าวว่า ก็น่าเห็นใจคนที่อยู่เหนือคันบิ๊กแบ็ก โดย ศปภ.จะเข้าไปดูแล จะให้มีการเยียวยา ซึ่งชาวบ้านบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่ทำการปลูกหญ้าไว้ขาย ซึ่งตรงนี้รัฐบาลจะเข้าไปรับซื้อ และกทม.ต้องเร่งสำรวจพื้นที่ความเสียหาย และเสนอ ศปภ.ว่าจะต้องใช้งบประมาณ ซึ่งทาง ศปภ.ก็พร้อมจะจ่ายให้ จึงขอเรียนไปยังผู้ว่าฯ กทม.ให้สั่งการไปยังผู้อำนวยการทุกเขต ให้รีบสำรวจความเสียหาย ทางกระทรวงมหาดไทยเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดทำงานร่วมกับ กทม.ก็เชื่อว่าต่างคนก็ต่างยุ่งกับการทำงาน แต่ทั้งนี้เราจะลืมคน กทม.ก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะยุ่งสักแค่ไหน เพราะคน กทม.ก็ถือเป็นคนไทยแม้อยู่ภายใต้การปกครองในรูปแบบพิเศษ แต่เป็นคนที่รัฐบาลจะต้องดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการรื้อคันบิ๊กแบ็กเป็นการตอบโต้ทางการเมืองหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เมื่อคืนนายกฯ ได้โทร.หาตนเวลา 22.00 น.เศษ ตนก็รีบโทร.หาผู้ว่าฯ กทม.ว่า ขณะนี้มีตัวแทน ส.ส.ในเขตพื้นที่ดอนเมืองไปช่วยเจรจา ก็เลยสั่งให้ ผอ.เขต หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปร่วมกับการเจรจาด้วย ซึ่งทางผู้ว่าฯ กทม.ก็ตอบตกลงและบอกว่าจะจัดการให้ ซึ่งทางผู้ว่าฯ กทม.เองก็ออกมาให้สัมภาษณ์ในเวลา 23.00 น.เศษ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาโยนกัน แต่เป็นเรื่องร่วมกันทำงาน เพราะถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน แม้หน้าที่จริงๆ แล้วเป็นของ กทม. แต่รัฐบาลก็จะนิ่งเฉยไม่ได้ ปัญหาเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นจะต้องใช้การประนีประนอม คงจะต้องเยียวยาเป็นพิเศษ ตั้งครัวในทุกจุด ดูแลเรื่องเรือ สุขภาพ เพราะถือว่าคนเหล่านี้คือผู้เสียสละ
ส่วนที่ชาวบ้านออกมาระบุว่าหากไม่ดำเนินตามข้อเรียกร้องก็จะปิดทางด่วนโทลล์เวย์นั้น ไม่มีอะไรไปกว่าการเจรจา และเชื่อว่าจะสำเร็จ และเราก็จะยอมให้รือถอนเพียงแค่นี้ เพราะทุกอย่างก็จะต้องดูข้อเท็จจริงด้วย และข้อมูลทางวิชาการ ซึ่งประชาชนเหล่านั้นก็ไม่ใช่คนที่คิดร้ายต่อบ้านเมือง เพียงแต่เขาเป็นผู้ที่เดือดร้อน คนไทยด้วยกันอธิบายก็น่าจะเข้าใจด้วยกัน จุดดังกล่าวก็จะต้องยอมรับว่าเป็นจุดที่สำคัญ รวมถึง ส.ส.ในพื้นที่ก็จะต้องดูสภาพความเป็นจริงด้วย ซึ่งเราก็คงยอมให้รื้อถอนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว