เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 นาทีนี้ถ้าไปถามชาวบ้านทั่วไป รวมไปถึงคนเสื้อแดงที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนชนะการเลือกตั้ง คงพูดไม่ออกเพราะผลงานการแก้ปัญหาน้ำท่วม การคำนวณปริมาณน้ำทำได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่สามารถบรรเทาลงได้เลย พินาศย่อยยับเป็นรายทาง ความจริงเห็นกันอยู่ตำตา ปฏิเสธไม่ได้
00 ความเคลื่อนไหวที่น่าทุเรศยิ่งกว่านั้นก็คือ ยังใช้การเมืองนำหน้า บิดเบือน สิ่งที่ได้เห็นก็คือความพยายามในการโยนความผิดให้กับคนอื่น รวมไปถึงการกีดกันผลงานคนอื่น ทั้งที่ปัญหาที่เป็นอยู่ในเวลานี้มันใหญ่หลวงกว่าที่ “นักการเมืองกระจอก” ในรัฐบาลกำลังสร้างภาพกันอยู่ เห็นได้จากข้อเสนอให้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อแก้ไขภัยพิบัติร้ายแรง ก็ไม่ทำ เพราะสวนทางกับแนวทางของ “แม้ว” ที่ต้องการลดบทบาทของกองทัพ และกำลังจะแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมเพื่อเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปล้วงลูกการโยกย้ายในอนาคต แต่บังเอิญว่าเที่ยวนี้ปัญหามันสาหัสกว่าที่คาด ชาวบ้านได้พึ่งพาทหารได้มากกว่าหน่วยงานอื่น นั่นจึงเป็นที่มาของแผน “ป้ายสี” หาว่าถูก “วางยา” ซึ่งเวลานี้ยังไม่ลืมตาขยายผลตามสื่อเสื้อแดง
00 ล่าสุดก็มาลงที่ กทม.ที่บริหารโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หลังจากพยายามเจาะเข้ามาทุกทางแต่ก็ไม่ได้ผล เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฝ่าย กทม.ชาวบ้านให้ความเชื่อถือมากกว่า ผิดกับฝ่ายรัฐบาลโดย ศปภ.ที่การให้ข้อมูลแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความสับสน คลาดเคลื่อนตรงกันข้ามตลอดเวลา จนกระทั่งนำไปสู่การประกาศใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) มาตรา 31 เข้ามาแทรกแซงการทำงาน คือถ้าผ่านไปได้หรือเสียหายน้อยก็ “ได้หน้า” หรือฮุบไปคนเดียว แต่ถ้าพลาดกทม.ชั้นในรวมถึง “สถานที่สำคัญ” จมน้ำก็จะลากผู้ว่าฯกทม.จมไปด้วยกัน
00 ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์ในเวลานี้สมควรที่จะใช้ “กฎหมายพิเศษ”นั่นคือ พรก.ฉุกเฉิน เข้ามาจัดการให้เบ็ดเสร็จตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ทำ กลัวว่าทหารจะ “ได้หน้า” ดังกล่าว และการประกาศใช้ กฎหมาย ปภ.ดังกล่าวมันก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะในการบริหารจัดการทำได้ไม่ครอบคลุม ไม่อาจสั่งการได้เด็ดขาด แต่เป้าหมายก็มีเพียงแค่ต้องการเข้ามาแทรกแซงเท่านั้น ความหมายแบบชาวบ้านก็คือเข้ามา “ป่วน” นั่นแหละ
00 ไม่รู้ว่าโง่หรือฉลาดกับการที่ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่คิดจะใช้จังหวะวิกฤติน้ำท่วมหวังเปิดตัวสำหรับการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.สมัยหน้า หลังจากพ้นคุกบ้านเลขที่ 111 ไปแล้ว โดยการเข้ามาแสดงบทบาทใน ศปภ. ทำเป็นกุลีกุจอขึ้นเฮลิปคอปเตอร์ดูน้ำ จากนั้นก็ใช้รายการของ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา ทางช่อง 3 โจมตีการทำงานของผู้ว่าฯกทม.อ้างว่าปริมาณน้ำปีนี้มหาศาลมากกว่าน้ำในเขื่อนภูมิพล ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจทำนองว่า น้ำมามากสุดวิสัย เพื่อตบตา แต่ประเด็นไม่ใช่น้ำมากหรือน้อย เพราะหากต้องการบอกว่ามาก ก็ต้องยอมรับว่ามาก มากกว่าน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์รวมกันเสียอีก พอใจหรือยัง แต่คำถามไปถึงพวกเอ็งก็คือ เมื่อรู้ว่าน้ำมาก มีฝนตก มีพายุถล่มเข้ามาหลายลูกนานต่อเนื่องเป็นเวลาสองสามเดือน ทำไมไม่ทยอยระบายน้ำออกมาแต่เนิ่นๆเป็นระยะ แม้ยอมรับว่าน้ำจะท่วมแน่ แต่รับรองว่าไม่ฉิบฉายแบบนี้แน่นอน
00 นอกจากนี้ยังพูดไม่อายปากอีกว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจาก กทม.ในการระบายน้ำจนทำให้น้ำทะลักท่วม ความหมายก็ยังอยู่ที่ กทม.(สุขุมพันธุ์) ขัดขวางการระบายน้ำทำให้น้ำท่วมคุมไม่ได้ ถ้าฟังเผินๆแบบโง่ๆก็อาจคล้อยตาม แต่คำถามตัวโตๆยังตามมาอีกว่า แล้วตั้งแต่จังหวัด ตาก นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี รวมถึงอยุธยาพินาศทั้งจังหวัด จนมาถึง ปทุมฯ และนนทบุรี อ้อ นิคมอุตฯ 6-7 แห่งที่ฉิบหายตามรายทางนี่มันเกี่ยวกับ กรุงเทพฯขวางทางน้ำด้วยหรือ เปล่า หือ สุดารัตน์ ตอบให้ชื่นใจหน่อยสิ !!
00 มองอีกมุมหนึ่งน้ำท่วมเที่ยวนี้ ไหนๆก็ไหนๆกันแล้วมันก็ทำให้คนไทยได้เห็นความจริง ได้ตั้งสติกันเสียทีว่ารัฐบาลชุดนี้ตั้งแต่ตัวนายกฯลงมามันเป็น “ของปลอม” ไม่ใช่เทวดา ซึ่งก็ต้องยมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของคนพวกนี้ด้วย ที่ผ่านมาเป็นแค่นักสร้างภาพ ไม่เคยเจอเหตุการณ์วิกฤติยืดเยื้อ เพราะเมื่อครั้งสินามิ มันก็ไม่คาดฝันผ่านมาผ่านไปรวดเร็วสามารถสร้างกระแสหาเสียงฉาบฉวยได้ แต่เที่ยวนี้มันไม่จบง่ายเพราะหลังจากนี้ปัญหาจะมากกว่าหลายเท่า อย่าถอดใจก็แล้วกัน และที่สำคัญชาวบ้านเขารู้ทันมากขึ้นแล้ว !!