xs
xsm
sm
md
lg

2 ขอนไม้ “สุเมธ-วีรพงษ์” เสี่ยงอุ้ม “ปูแดง” พ้นจมน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิชัยพัฒนา (ภาพจากแฟ้ม)
รายงานการเมือง
โดย เสือกระดาษ


จากแผนสองพี สองอาร์ ที่ล้มคะมำพาชาติล่มจมไปกับน้ำอย่างไม่เป็นท่า นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังไม่เข็ด เหล่ากุนซืออุตส่าห์เข็นขี้เลื่อยออกมาจากมันสมอง ปั้นแต่งวลีสวยหรู วาดฝันกลางวันแสกๆ ว่า จะฟื้นฟูสร้างประเทศใหม่ภายใต้วาทกรรมการตลาดนำการเมืองครั้งใหม่ว่า 3 อาร์

ก็ไม่รู้ว่า 3 อาร์นี่ หมายถึงเรตอาร์ที่ผู้ใหญ่ต้องให้คำแนะนำ เพราะเด็กเล็กอาจหลงไปกับมารยานักแสดงจนเสียคนได้

อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่คนแก่ 2 ราย ที่ยอมเป็นขอนไม้ให้ “ปูแดง” เกาะกันจมน้ำอย่าง วีรพงษ์ รามางกูร และ สุเมธ ตันติเวชกุล ก็พึงระวังไว้ว่าจะเป็นแค่อะไหล่เชียงกงที่ผู้คนในสังคมเขามิได้ให้คุณค่า เพราะเขารู้เช่นเห็นชาติมาแล้วว่า

บุคคลทั้งคู่เป็นแค่ยาสามัญประจำบ้านให้กับ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น


“ท่านสุเมธ” ไม่รู้จริงๆ หรือว่า คณะกรรมการ กยน.ที่กำลังจะเป็นยากันยุงกัดให้ ปู-ยิ่งลักษณ์ นั้น จะเป็นช่องทางให้มีการเขมือบงบประมาณมโหฬารเพียงใด ที่น่าเป็นห่วง คือ อาจจะมีการขายโครงการหัวมงกุฎท้ายมังกรแอบอ้างพระราชดำรัสในการแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยเอาแต่ชื่อไปขาย ส่วนเนื้อในสอดไส้ผลประโยชน์ไว้งาบกัน แบบไม่ให้คนวิจารณ์

เพราะได้ยันต์กันผีที่ชื่อ “สุเมธ” มาการันตีไว้แล้ว

ถ้าจำกันได้ทุกครั้งที่มีการเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ผ่านทางเครือข่ายทักษิณ ชื่อแรกๆ ที่ถูกเสนอให้เป็นนายกฯส้มหล่น คือ สุเมธ ตันติเวชกุล ส่วนจะมีใครเสียดาย เพราะดีลนี้ไม่เคยเกิดได้จริงหรือไม่

“ท่านสุเมธ” คงส่องกระจกตอบคำถามตรงๆ กับตัวเองได้

ไม่ต้องย้อนไปไกลให้เมื่อยตุ้ม เอาแค่วันแดงเผาเมือง จนสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงโทมนัสอย่างยิ่งว่า ไทยเผาไทยนั้น ความคิดของ “ท่านสุเมธ” ยังให้ท้ายลูกทรพี โดยแสดงความเห็นไว้ดังนี้

“ตอนนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว แต่มีพ่อแม่คนไหนที่เห็นลูกตีกันแล้วมีความสุข ลูกไม่ดียังพอทนไหว ลูกทรพีพ่อแม่ยังทนได้ แต่ลูกตีกัน ผมว่าพ่อแม่คนไหนก็ทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์ที่สุดของพ่อแม่ คือ เห็นพี่น้องตีกัน ทนไม่ได้หรอก ถ้าถามจิตใจของพระองค์ท่านตอนนี้ ผมว่าพระองค์ทุกข์ที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าโกรธกันเลย ถ้าโกรธเมื่อไร ประเทศพังเมื่อนั้น”

ดูเผินๆ เหมือนจะดีแต่ถ้าพิจารณาในรายละเอียดจะเห็นว่า เป็นการให้ความเห็นแบบยกหางให้ท้ายลูกทรพีอย่างไม่น่าเชื่อ

เพราะลูกตีกันมันต้องมีสาเหตุ และที่สำคัญคือ ต้องแยกแยะให้ได้ว่าใครทำถูก และใครคืออันธพาลทำชาติล่มสลาย

ส่วนลูกทรพีแม้พ่อแม่จะทนได้ แต่ไม่มีใครมั่นใจได้เลยว่า ลูกทรพีจะทำปิตุฆาตหรือมาตุฆาตฆ่าพ่อแม่ตัวเองหรือไม่ ก็ในเมื่อมันเป็นลูกทรพี!

เอาเถอะ เมื่อ “ท่านสุเมธ” เปิดหน้ายอมให้ปูแดงใช้งาน ก็ยอมรับชะตากรรมที่จะตามมาจากการเป็นที่ปรึกษานายกฯที่ไร้วิสัยทัศน์ด้วยก็แล้วกัน และอย่าลืมความเป็นคนไทยรักชาติที่ต้องกล้าค้าน อย่าปล่อยให้มีการกินตามน้ำผ่านคณะกรรมการที่ท่านเป็นที่ปรึกษา

ส่วน วีรพงษ์ รามางกูร ยาอีกขนานที่เรียกใช้กันตั้งแต่ยุคทักษิณ เรืองอำนาจ วีรพงษ์ ก็ยอมลดตัวเป็นลูกกะจ๊อกให้กับ ทนง พิทยะ รมว.คลัง ในขณะนั้น นั่งตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.คลัง มีชื่อติดโผในทีมเศรษฐกิจของนักโทษชายทักษิณทุกครั้งที่มีการฟอร์ม ครม.

การออกหน้านั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ ก็แค่ไปขนอะไหล่เชียงกงมาตัดแปะพ่นสีหลอกตา ให้คนคิดว่า รัฐนาวาปูแดงยังมีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ หลังทำชาติฉิบหายภายใน 3 เดือนอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

ยิ่งได้เห็นวิธีสร้างอนาคตประเทศของ วีรพงษ์ ที่ประกาศงานเร่งด่วนว่า “โรงงานผลิตโตโยต้า ฮอนด้า เสียหาย เราคือแหล่งการผลิตของโลก ผมจะต้องรีบบินไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับญี่ปุ่น!”

ได้ยินแล้วคันหู เพราะอนาคตของประเทศ หากยึดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พ่อหลวง คือ ต้องทำให้กระดูกสันหลังของชาติมีความแข็งแรง ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเป็นเสือตัวที่ห้าเพื่ออยู่แถวหน้าในหมู่ประเทศอุตสาหกรรม

เริ่มต้นก็กำหนดทิศทางผิดแล้ว

จริงอยู่ว่าภาคอุตสาหกรรมมีความสำคัญในการสร้างงานสร้างรายได้ และคงไม่มีใครว่าที่จะต้องเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกับคืนมา หลังจากถูกปูแดงปู้ยี่ปู้ยำจนป่นปี้ แต่คนที่เป็นหัวเรือคิดออกแบบสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศไทย กลับไม่มีพิมพ์เขียวเกี่ยวกับการทำประเทศไทยเป็นครัวโลกในยามที่วิกฤติอาหารกำลังเป็นมหันตภัยที่คนทั้งโลกหวาดกลัว

อนาคตใหม่ของไทย ไม่มีไพร่เกษตรกรอยู่ในหัวสมองของรัฐบาลไพร่แม้แต่น้อย

คิดผิดก็คิดใหม่ได้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำ คือ ฟื้นชีวิตเกษตรกรที่จมน้ำให้ยืนหยัดหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ผลิตอาหารเลี้ยงโลกอย่างมีศักดิ์ศรี พลิกชีวิตชาวนาให้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก จะได้ไม่ถูกใครหลอกสนตะพายจนเลือกคนโง่มาบริหารประเทศ

ถ้า วีรพงษ์ จะสร้างอนาคตประเทศโดยไม่รู้ และไม่ให้ความสำคัญกับจุดแข็งของการเป็นประเทศเกษตรกรรมก็ต้องบอกว่า

แค่เริ่มต้นก็ดำดิ่งลงดินแล้วจะมีความหวังพาปูแดงรอดจากการจมน้ำได้อย่างไร

ช่างน่าอนาถใจสิ้นดี !
ดร.วีรพงษ์ รามางกูร (ขวา)เคยเป็นที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจให้แก่ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น