“อานนท์” มั่นใจ ช่วงลอยกระทงน้ำไม่สูงเท่าปลายเดือน ต.ค.ด้าน ผบก.ทล.เผยเตรียมแผนเปิดทางลงภาคใต้ หากน้ำท่วมพระราม 2 โดยกู้ทางหลวง 340 และ 346 ถ้าไม่สำเร็จใช้โทลล์เวย์ ไปลง ถ.เอเซีย ผ่าน อยุธยา อ่างทอง สุพรรณฯ แล้ววงกลับเข้านครปฐม
ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กระทรวงพลังงาน นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะกรรมการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง กล่าวถึงสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 10-11 พ.ย.หรือในช่วงวันลอยกระทง ว่า สถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงนี้จะไม่กระทบต่อพื้นที่ต่างๆ มากเท่ากับช่วงน้ำทะเลหนุนสูงเมื่อช่วงวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากครั้งนี้มีเพียงน้ำทะเลที่หนุนขึ้นมา ไม่มีน้ำเหนือมาเติมมากเหมือนครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ จะได้แก่ พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และลำคลองสาขาทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และฝั่งธนบุรี ของ กทม. ไปจนถึงปากน้ำ จ.สมุทรปราการ โดยคาดการณ์ว่าจะมีน้ำสูงกว่าปกติประมาณ 10 ซม.แต่น้ำจะไม่สูงไปกว่าเมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์น้ำนี้จะค่อยๆ ลดลงไปใน 3-4 วัน ส่วนการเตรียมการของประชาชนที่อยู่ริมน้ำในบริเวณดังกล่าวนั้น ก็ควรติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ศึกษาช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงเพื่อใช้ในการเดินทาง
ด้าน พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ ศปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมเส้นทางสำรองหาก ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วม ว่า สถานการณ์ตอนนี้มีเพียง ถ.พระราม 2 ที่ยังสามารถลงไปที่ภาคใต้ได้ และยังไม่มีจุดไหนที่ท่วม มีเพียงที่น่าเป็นห่วง ถ.พระราม 2 กม.ที่ 17-24 (เอกชัย-บางบอน) ที่ถนนต่ำ แต่หากมีน้ำท่วมจริงแต่เป็นระยะทางสั้นๆ และน้ำไม่ท่วมสูงก็จะใช้วิธีการราดยางมะตอยทับไปเพื่อให้ผิวถนนสูงกว่าระดับน้ำ แต่หากระดับน้ำสูงมาก ก็จะต้องใช้ถนนเส้นอื่นที่เตรียมไว้คือ การเร่งกู้ทางหลวงหมายเลข 9 (ถ.กาญจนาภิเษก) ทั้งเส้น สาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และสาย 346 (บางเลน-กำแพงแสน) ที่บางช่วงยังมีท่วมสูงอยู่กว่า 1-1.5 ม.และกรมทางหลวงยืนยันว่าจะสามารถกู้ได้สำเร็จภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้
พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวว่า แต่หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วม และทางหลวงหมายเลข 9 ยังกู้ไม่สำเร็จ ก็จะต้องใช้เส้นทางเลี่ยงคือ ออกจาก กทม.ใช้ทางด่วนโทลเวย์ไปลงที่ ถ.สายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปทางจ.พระนครศรีอยุธยา เลี้ยวเข้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ไปที่ จ.สุพรรณบุรี แล้วจึงวกกลับเข้า จ.นครปฐม ตามเส้นทางถนน อ.กำแพงแสน เส้นทางนี้จะต้องอ้อมไปกว่า 300 กิโลเมตร แต่แม้ว่าจะอ้อมไป แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีถนนลงสู่ภาคใต้เลย
