“พล.อ.ประยุทธ์” เผย “ในหลวง” ห่วงราษฎรเดือดร้อนน้ำท่วม ระบุ ทรงอยากให้น้ำลดโดยเร็ว ย้ำ แม้ทรงประชวร วอนคนไทยถวายพระพรให้แข็งแรง เล็งคุย ศปภ.อำนวยความสะดวกประชาชนที่ต้องเดินทาง พร้อมเตรียมแผนบูรณาการหลังน้ำลด
วันนี้ (8 พ.ย.) ที่กองบัญชากองกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ว่า พระองค์ท่านทรงห่วงใยประชาชนคนไทยมาโดยตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์อยู่แล้ว และในช่วงนี้พระองค์ท่านมีพระสุขภาพไม่แข็งแรง 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้น ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยเป็นพิเศษ เพราะมีน้ำท่วม และประชาชนเป็นล้านคนเดือดร้อนในเวลานี้ ฉะนั้น พระองค์ท่านอยากให้เหตุการณ์เหล่านี้ลดผลกระทบไปโดยเร็ว ทั้งนี้ พระองค์ท่านพระราชทานแนวพระราชดำริ และให้โอกาสให้รัฐบาลมีโอกาสเข้าเฝ้าฯหลายครั้งแล้ว เป็นสิ่งที่พวกเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วย และช่วยกันถวายพระพรให้พระองค์ท่านแข็งแรงโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนจำนวนมากต้องการ คือ เรื่องการดูแลในระหว่างที่น้ำท่วมและมีผลกระทบ และอยู่บ้านไม่ได้จะได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างดี โดยเฉพาะชีวิตประชาชนที่จะต้องเดินทางไปทำงาน เพราะขณะนี้ไม่สามารถหยุดงานได้ทุกที่เพราะจะต้องมีคนทำงาน อย่างไรก็ตาม กองทัพจะต้องให้การบริการแค่ไหนอย่างไร ซึ่งปัจจุบันกองทัพไปช่วยเหลือด้วยการใช้ยานพาหนะดูแลไปกลับ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ทั่วถึง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) โดยมีการแก้ไขปัญหาตามลำดับมาช่วยกันในการจัดยานพาหนะในการส่งขนคนเพิ่มเติม ต้องขออภัยเพราะอย่างไรก็ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะประชาชนเยอะมากคงจะต้องช่วยกัน เพราะต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกันช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อนำไปสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เป็นเรื่องของอาหารการกิน และน้ำดื่ม ซึ่งในทุกภาคส่วนแม้กระทั่งสถาบันเบื้องสูง และภาคเอกชนทุกคนก็ร่วมบริจาคร่วมกันทางราชการก็ไปตั้งครัวประกอบอาหาร เพื่อให้ประชาชนได้รับอาหาร 3 มื้อ เพราะหากไม่มีก็ลำบาก ฉะนั้น ทุกส่วนราชการจะต้องมาปรับว่าจะทำอย่างไรให้ทั่วถึงได้ เพราะคนยังกระจายกันอยู่ปัญหามีอยู่ 2 อย่าง คือ กลุ่มที่อพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงสามารถดูแลได้ง่าย ส่วนกลุ่มหนึ่งที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ค่อนข้างเป็นปัญหากับส่วนราชการ เพราะฉะนั้นข้อบกพร่องหรือข้อตำหนิต่างๆ ก็จะมาจากกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องไปแก้ไขปัญหา และต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตนเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ จะต้องมาปรับแผนกัน นอกจากนั้น เป็นเรื่องการสัญจรไปมา ซึ่งรถของกองทัพบกมี 2,000 คัน ก็จะต้องหมุนเวียนเข้าไปซ่อมบำรุงตามห้วงระยะเวลา เพื่อให้ใช้งานต่อไปได้ เพราะฉะนั้นการทำงานของกองทัพเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดลงมา และกองทัพก็ริเริ่มเองด้วยการไปสัมผัสกับประชาชนว่าเขาเดือดร้อนเรื่องอะไร บ้าง และนำกลับมาคิด โดยตนให้ทีมงานของกองทัพบก ตั้งแต่ รองผู้บัญชาการทหารบก ว่า จะทำอะไรเพื่อออกไปบ้าง โดยให้แนวทางเป็น 4 กลุ่มงานด้วยกัน คือ 1.การบริหารจัดการเรื่องน้ำ 2.การบริหารจัดการเรื่องคน จะสัญจรไปมาหรือจะกินข้าวกันอย่างไร 3.การสนับสนุนเรื่องสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะต้องนำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์สูงสุด และ 4.ทุกส่วนราชการจะต้องบูรณาการร่วมกัน กองทัพจะไม่ไปติเตือนผู้หนึ่งผู้ใด เพราะถือว่าทุกส่วนมีส่วนร่วม ตนพูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าตั้งแต่ฝ่ายการเมือง ฝ่ายทหาร พลเรือน และ ตำรวจ ทุกคนจะต้องช่วยกันทำหน้าที่ และเราต้องมีหน้าที่สร้างความเข้มแข็งให้กับทุกคน ตนถึงบอกว่าแล้วว่าทหารไม่ใช่พระเอกแต่ผู้เดียว หรือ เก่งผู้เดียวคนไม่ใช่ เราทำงานได้รวดเร็ว เพราะมีกำลังพล มีอุปกรณ์ สามารถสั่งการได้ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ของหน่วยทหาร
เมื่อถามถึงแผนการฟื้นฟูภายหลังน้ำลด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องมีระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว ทั้งนี้การจะทำอะไรก็ตามการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระหว่างนี้ถึงแม้ว่าน้ำจะ ลดบ้างแล้ว แต่การฟื้นฟูในระหว่างนั้น ประชาชนยังไม่มีอาชีพ และรายได้ ซึ่งเราจะต้องดูแลเฉพาะหน้าเขาอย่างไร ส่วนระยะกลาง คือ จากนี้แล้วจะทำอย่างไรให้มีงานทำ ก็ไปว่าในภาพรวมของรัฐบาล แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของรัฐบาลในการควบคุม และเราจะไปนำข้อมูลจากที่เราได้ไปพบประชาชนมาว่ามีความเดือดร้อนอะไร เราจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดออกมานำเสนอวิธีการว่าเราจะร่วมมือทำหน้าที่อย่างไรในแต่ละส่วน ทหารจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในแต่ละกระทรวงเพราะไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพบก เมื่อถามว่า หากรัฐบาลร้องขอหรือขอการสนับสนุนกองทัพบกก็พร้อมใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลขอมาตลอด และวันนี้เราก็ทำงานกันอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พายุนกเต้นมาจนถึงวันนี้ รัฐบาลเป็นผู้แก้ปัญหา กองทัพก็ให้การสนับสนุนในฐานะกลไกของรัฐเราปฏิเสธไม่ได้ ทุกวันนี้เราจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันและเรียนรู้ว่าจะอยู่กับน้ำอย่างไร และการแก้ไขปัญหาอย่างไร ทั้งตนเอง และภาครัฐ รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วยจะต้องอยู่ร่วมกัน