ชาวบ้านโวย ศปภ.เทหินคลุกราดยางมะตอย สร้างทางเชื่อมวีไอพี เปลืองงบ ทำน้ำท่วมสูงขึ้น ย่านชุมชนรถไฟ 11-19 น้ำท่วมขังสูงกว่า 40-80 ซม.ประชาชนต้องขนของขึ้นไปอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน วอนผู้นำเสียสละ ขับรถอ้อมเข้าสวนจตุจักรก็ยังได้
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำ บริเวณปากซอยวิภาวดี 11 ทางเข้าอาคารเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ว่า ระดับน้ำสูงจากพื้นผิวถนนประมาณ 80-90 เซนติเมตร ทางด้านฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ระดับสูงประมาณ 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนรถใหญ่เคลื่อนตัวไปได้อย่างยากลำบาก ขณะที่บริเวณทางเชื่อมโทลล์เวย์เพื่อเข้าสู่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มีการเทหินคลุก ราดยางมะตอย เป็นถนนถาวร ตัดเข้ามายังศูนย์แล้วยังมีการนำถุงทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็ก 2 ชั้น มาวางตามแนวถนนเพื่อกันน้ำซัดเซาะพื้นถนน โดยมีระดับความสูงล่าสุดประมาณ 1 เมตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามาติดต่องานใน ศปภ.
ขณะเดียวกัน ปรากฏว่า บริเวณหน้าทางเข้าซอย ยังคงมีน้ำผุดออกมาจากท่อระบายหลายจุดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สำนักงานประปา สาขาพญาไท มีน้ำท่วมขังเกือบเต็มพื้นที่ โดยระดับความสูงของน้ำอยู่ที่ประมาณ 20 เซนติเมตร
ส่วนบริเวณซอยวิภาวดี 11 นั้น ช่วงที่เป็นซอยแยกเริ่มมีน้ำทะลักออกมาจากท่อระบายน้ำ ทำให้บ้านของประชาชนที่มีพื้นที่ต่ำกว่าพื้นถนน มีน้ำท่วมขังหลายหลังคาเรือน ขณะเดียวกัน ย่านชุมชนรถไฟ 11-19 มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 40-80 ซม.โดยประชาชนบางส่วนต้องขนของอพยพชั้น 1 ขึ้นไปอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน
ตัวแทนชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า ตั้งแต่ ศปภ.ทำทางเชื่อมพิเศษ โดยอ้างว่าเป็นที่เดินทางสำหรับบุคคลวีไอพีนั้น ตรงนี้เห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ และทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะเชื่อว่า ก่อนที่ทำทางเชื่อมนี้ โรงสูบน้ำ 2 แห่งที่อยู่ในบริเวณนี้ยังสามารถทำงานได้ และต้านทานน้ำได้ไหว แต่หลังจากที่ทำทางเชื่อมขึ้นมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงเป็นเท่าตัว เพราะน้ำไม่มีทางไป เนื่องจากมีทางให้ระบาย ตรงนี้จึงอยากจะถามกลับไปยังนายกฯ ว่า เหตุใดจึงมาทำทางเชื่อมตรงถนนวิภาวดี ทั้งที่สามารถขับรถไปอ้อมโดยใช้เส้นทางถนนกำแพงเพชรก็สามารถทำได้ แม้จะเสียเวลาสักหน่อย แต่ไม่เปลืองงบประมาณ
“ที่คุณเคยพูดว่าเป็นผู้นำต้องเสียสละ แต่คุณกลับไม่เสียสละลุยน้ำเข้าหาประชาชนเอง อีกทั้งทาง ศปภ.น่าจะมีบทเรียนอยู่แล้ว ที่ดอนเมือง ซึ่งพยายามจะกั้นน้ำเอาไว้แล้วไม่ย้ายศูนย์ สุดท้ายน้ำก็ท่วมของบริจาคลอยเกลื่อนกลาด ก็ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม เราจะไม่รวมตัวกันไปประท้วงอะไรทั้งนั้น เพราะได้ทำไปแล้ว และคงช้าไป ฉะนั้นเราต้องก้มหน้ารับผลกระทบต่อไป แต่คราวหน้าถ้าน้ำลด ถ้าคิดจะทำอะไร ให้คิดถึงผลกระทบของชาวบ้านบ้าง” ตัวแทนชาวบ้าน กล่าว