“ปู” ฮึ่มจัดการพวกขวางแก้น้ำท่วม บอกเหนื่อยแต่ไม่ท้อ

“ยิ่งลักษณ์” เตรียมงบประมาณ 1 แสนล้าน ฟื้นฟู เยียวยา ซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด ลั่นไม่ปล่อยให้ใครขัดขวางการแก้ปัญหาน้ำท่วม ยืนยันจัดการตามกรอบกฎหมาย ขอเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ยอมรับเหนื่อยแต่ไม่ท้อ



วันนี้ (5 พ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ว่า เป็นเวลาต่อเนื่องมาเกือบ 2 เดือน ที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยครั้งนี้ ตั้งแต่ ก.ย.น้ำท่วมพิษณุโลก ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี ปทุม นนทบุรี วันนี้ต่อเนื่องมาทาง กทม.โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตกที่น้ำขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีพายุหลายลูก ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลเกินขีดความสามารถของระบบชลประทาน แต่รัฐบาลก็ได้บริหารจัดการระบายน้ำในเขื่อนเท่าที่ระบบจะเอื้ออำนวยได้ โดยประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในการช่วยเหลือและอพยพผู้เดือดร้อนมาตลอด และในวันนี้จังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่สองที่ประกาศการฟื้นฟู หลังจากที่เริ่มที่พิษณุโลกมาแล้ว และในไม่ช้าก็จะเห็นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะได้กลับมามาดำเนินการเริ่มกิจกรรมการฟื้นฟูในเวลาอันใกล้นี้ รัฐบาลได้เตรียมแผนงานและงบประมาณในการเยียวยาและฟื้นฟูไว้แล้วกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยา ฟื้นฟู ซ่อมแซมบ้านเรือนพี่น้องประชาชนที่เสียหาย และวางระบบเศรษฐกิจที่สำคัญ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำที่เริ่มขยายตัวท่วมขังจากทางตอนเหนือเริ่มไหลบ่ามาทางรังสิต ม.เกษตรฯ ลาดพร้าว รัชดาภิเษก และจตุจักร ทางฝั่งตะวันตกก็ได้รุกเข้ามา ซึ่งในการดำเนินการของรัฐบาลจะเร่งดำเนินการทั้งการชะลอน้ำ การระบายน้ำของระบบชลประทานและกรุงเทพมหานคร มีการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกรมชลประทาน และ กทม.โดยรองผู้ว่าฯ กทม.นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ และ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ มีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ประสบภัยร้ายแรง เพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติการในพื้นที่ ซึ่งข้อสั่งการจะสั่งการในข้อสรุปมติของที่ประชุม ให้ กทม.ตัดสินใจรายละเอียดด้านเทคนิค หลักการคือลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชุมชน แม้ว่าจะมีการบริหารจัดการทั้งในรูปของคณะกรรมการด้านวิชาการและในพื้นที่ แต่ในการดำเนินการก็ย่อมมีปัญหาและอุปสรรค

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างเช่น ปัญหาด้านเทคนิคในการบริหารจัดการน้ำ เพราะน้ำจะไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ แม้ระบบการป้องกันจะถูกสร้างมาป้องกัน แต่มวลน้ำมหาศาลทำให้คันกั้นรับไม่ไหว มีการแตกหัก ปัญหาของระบบ เช่น เครื่องมือ สิ่งก่อสร้าง เครื่องสูบที่ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงทำใหัอุปกรณ์มีการเสียหาย โดยเฉพาะการบริหารจัดการช่วงน้ำทะเลหนุนสูง แม้ว่าปัญหาอุปสรรคจะเกิดขึ้นแต่เราก็ต้องช่วยกันเพื่อแก้ปัญหาให้ลุล่วง รวมพลัง ความคิด มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมเพื่อแข่งกับเวลาที่น้ำไหลทะลัก โดยเฉพาะได้รับการสนับสนุนจากกองบัญชาการกองทัพไทย

ส่วนปัญหามวลชน จากที่ได้ลงพื้นที่ในการเจรจา ประชาชนที่อยู่ใต้ประตูน้ำไม่ยอมให้เปิดประตูเพราะกลัวน้ำจะเข้าท่วม ทางเจ้าหน้าที่ต้องทำตามคำสั่ง แต่ก็เป็นห่วงความปลอดภัย

“วันนี้เราอยู่ใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประชาชนมีสิทธิ์ตามระบบประชาธิปไตย รวมไปถึงการรับทราบข่าวสารข้อมูลที่ประชาชนควรจะรับรู้ แต่หากทุกคนไม่มองภาพรวม มองแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ก็จะกระทบต่อภาพรวม ดิฉันในฐานะนายกฯ ขอยืนยันว่า การบริหารแก้ไขวิกฤตยึดหลักแก้ปัญหาภายใต้กรอบของกฎหมาย และแก้ปัญหาให้ลุล่วงโดยเร็ว จะไม่ปล่อยให้คนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาขัดขวางการแก้ปัญหา ยอมรับว่า การทำงานครั้งนี้เหนื่อย แต่ไม่ท้อ ก็ขอให้ประชาชนเข้าใจ และยืนยันว่า จะทำงานอย่างเต็มที่” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว