พนังกั้นสถานีสูบน้ำ “หอวัง” เสี่ยงแตก หลังเครื่องทำงานจนน็อก และมีน้ำทะลักเข้ามาต่อเนื่อง แต่ไปต่อไม่ได้เหตุแรงดันฝั่งคลองเปรมฯ มากกว่า ขณะที่ ศปภ.ถูก “น้องน้ำ” รุกล้อมรอบ รถเล็กไม่ควรผ่านถนนวิภาฯ ขาออก หลังพบรถยนต์จอดตายอื้อ ด้าน จนท.เร่งเสริมถนนเชื่อมโทลล์เวย์เข้าที่ทำการ ศปภ.
วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำท่วมที่เข้ามาถึงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ขณะนี้บางช่วงสูงกว่า 60 เซนติเมตร และยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าระดับน้ำจะท่วมเต็มพื้นผิวจราจร แต่ยังมีรถสัญจรไปมาบริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ฝั่งตรงข้ามห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว แต่การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งทางห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็ได้ประกาศปิดทำการอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่โรงแรมโซฟิเทลยังคงเปิดให้บริการอยู่
สำหรับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) พหลโยธิน ยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่ได้มีการปิดประตูทางเข้าออก ประตู 1 และประตู 2 บริเวณด้านข้างมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ส่วนประตูที่ 3 ฝั่งเซ็นทรัลลาดพร้าว ยังคงเปิดใช้การปกติ แต่ได้มีการนำประตู้เหล็กกั้นน้ำมาติดตั้ง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ที่คอยเฝ้าระวังและเตรียมการปิดประตูทางเข้าทันที หากระดับน้ำท่วมสูงถึงบันได้ขั้นที่ 2 โดยบริเวณนั้นมีระดับน้ำสูงประมาณ 10-20 ซม.
ขณะเดียวกัน ด้านถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาเข้า น้ำยังคงท่วมสูงเกิน 60 เซนติเมตรแล้ว แต่ก็ยังมีรถยนต์ที่เคลื่อนผ่านโดยช่องทางขวาสุดซึ่งมีระดับน้ำต่ำกว่าช่องอื่น อย่างไรก็ตาม ก็พบว่ามีรถกระบะบางคันต้องประสบปัญหาจอดนิ่งกลางถนนอยู่หลายคัน ส่วนน้ำก็ได้เอ่อล้นมาถึง ห้าแยกลาดพร้าว แต่ยังไม่ข้ามฝั่งไปถึงหน้ามหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
เช่นเดียวกับถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก ที่มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณสถานีสูบน้ำหลังโรงเรียนหอวัง ที่ชาวบ้านละแวกนั้นเล่าว่าเครื่องสูบน้ำทำงานหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จนมีบางช่วงที่เครื่องขัดข้อง ทำให้บางช่วงของคืนที่ผ่านมามีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ฝั่งขาออก แต่ตลอดวันนี้กลับมาทำงานได้ตามปกติ ส่งผลทำให้คลองระบายน้ำด้านหลังสถานีมีน้ำเอ่อขึ้นมาห่างจากความสูงของพนังปูนกั้นน้ำเพียงไม่ถึง 30 เซนติเมตร เนื่องจากน้ำที่สูบเข้าคลองไม่สามารถไหลต่อไปได้ เพราะมีแรงดันน้ำจากฝั่งปลายคลองที่มาจากคลองเปรมประชากรที่มีปริมาณน้ำมากเช่นกัน ทำให้แนวพนังปูนยังมีน้ำผุดขึ้นมาอีกหลายจุด จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตลอดสองฝั่งแนวคลองมีความเป็นห่วงว่าพนังปูนที่มีความกว้างเพียง 15 เซนติเมตร จะพังและทำให้น้ำทะลักเข้าสู่บริเวณที่พักอาศัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มีผู้อาศัยเป็นเด็กและผู้สูงอายุจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า บริเวณปากซอยวิภาวดีรังสิต 11 ทางเข้าอาคารเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการนำหินกรวด และกระสอบทรายขนาดเล็กหลายพันลูก ระดมเทเพื่อเสริมถนนเชื่อมจากทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ เข้าสู่ทางเข้าอาคาร ระยะทางประมาณ 20 เมตร มีระดับความสูงประมาณ 1 เมตรจากพื้นถนนเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่จะเข้ามาติดต่องานภายใน ศปภ. ขณะที่ผู้ใช้รถที่มาจากฝั่งห้าแยกลาดพร้าว การสัญจรสามารถใช้การได้ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก