ศปภ.เผยใช้วิทยาลัยอาชีวะบางนาเป็นศูนย์พักพิงนานาชาติ คาด รองรับต่างชาติได้ 200 คน มีทีวี คอมพ์ ไวไฟ พร้อมเสิร์ฟอาหารฟรี 3 มื้อ ด้านโฆษกฝั่งทหารพร้อมประสานเขตอพยพผู้ประสบภัยร่วมกับ ศูนย์แพทย์ฉุกเฉิน ป่อเต็กตึ๊ง ส่ง ขสมก.สานต่อถึงศูนย์ ด้านรัฐสภาตั้งโรงครัวแจกหมื่นชุดต่อวัน ขณะที่ “วิม” มาแจกถุงยังชีพ ต.พิมลราช
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นายฌอน บุญประคอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายสื่อต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนให้เปิดศูนย์พักพิงนานาชาติ โดยให้ใช้วิทยาลัยอาชีวะบางนา ซ.อุดมสุข 18 เป็นที่ตั้ง ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเปิดตั้งแต่บัดนี้ โดยรองรับเฉพาะชาวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ กทม.โดยมีวัตถุประสงค์ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้มีแต่ช่วยเหลือเพียงคนไทยเท่านั้น แต่จะช่วยคนต่างชาติด้วย เพราะที่ผ่านมา คนต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน ฯลฯ อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือเท่าที่ควร ซึ่งการเปิดศูนย์ดังกล่าวถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปในตัวด้วย
นายฌอน กล่าวอีกว่า ศูนย์พักพิงดังกล่าวจะสามารถรองรับชาวต่างชาติได้จำนวน 200 คน โดยภายในศูนย์จะมีอุปกรณ์เครื่องอำนวยความสะดวก อาทิ โทรทัศน์ 3 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง สัญญาณอินเทอร์เนตไวไฟ พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่ม ฟรีตลอด 3 มื้อต่อวัน โดยทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนในส่วนของที่นอน เต๊นท์ จำนวน 20 หลัง และมุ้งนอนอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเปิดศูนย์ดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการนำร่อง หากตรวจสอบพบว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมาก ก็อาจจะเปิดศูนย์ที่อื่นๆต่อไป
ขณะที่ พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ โฆษก ศปภ.ด้านการช่วยเหลือประชาชนด้านกำลังพลทหาร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือถึงแผนการเคลื่อนย้ายและอพยพประชาชนในพื้นที่ กทม. ร่วมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกองทัพ ว่า แผนการเคลื่อนย้ายและอพยพในพื้นที่ กทม.นั้น สำหรับในจุดที่มีน้ำท่วมหนัก ทางกองทัพจะเป็นผู้รับผิดชอบในการขนย้ายประชาชน โดยจะใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่มีศักยภาพในการลุยน้ำที่ท่วมสูงได้ โดยสามารถบรรทุกคนได้ 50 คนต่อเที่ยว มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบตามเขตพื้นที่ดังนี้ พล.1 รอ.จำนวน 17 เขต พล.ร.9 จำนวน 8 เขต พล.ม.2 จำนวน 10 เขต มณฑลทหารบกที่ 11 จำนวน 4 เขต หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) จำนวน 4 เขต และกองทัพเรือ 7 เขต
พล.อ.พลางกูร กล่าวต่อว่า หน่วยงานดังกล่าวจะประสานงานกับผู้อำนวยการเขตทุกเขตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอบถามว่าพื้นที่ใดต้องการอพยพบ้าง และหลังจากนั้นกองทัพจะเข้าไปขนย้ายประชาชนมายังจุดรวมพล บริเวณพื้นที่น้ำตื้น เพื่อส่งต่อให้รถ ขสมก.ที่สามารถวิ่งได้ทำการขนส่งประชาชนไปยังศูนย์อพยพต่างๆ ตามที่ กทม.และ ศปภ.ได้จัดเตรียมไว้ แต่ปัญหาในการอพยพประชาชนทั้งในจังหวัด เช่น อยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ยอมอพยพ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่ยอมอพยพออกมา ขณะเดียวกัน กทม.ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงที่จะมีน้ำท่วมและจำเป็นต้องอพยพทั้งหมด 10 เขต และเพิ่มในภายหลังอีก 6 เขต อย่างไรก็ตามระหว่างการอพยพทางกองทัพได้ประสานกับศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อเข้าไปรับผู้ป่วย เด็ก และคนชรา ในกรณีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ด้าน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนอพยพของกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ ขสมก.เตรียมรถเมล์ จำนวน 600 คัน ในการขนย้ายประชาชนจากจุดรวมพลไปส่งตามศูนย์อพยพตามที่ประชาชนต้องการ ทั้งนี้ รถ ขสมก.สามารถลุยน้ำได้ในระดับน้ำเพียง 80 ซม.เท่านั้น ส่วนพื้นที่น้ำท่วมหนัก ทางกองทัพจะรับผิดชอบรับประชาชนมายังจุดรวมพลเพื่อให้ ขสมก.รับช่วงต่อ และระหว่างการเดินทาง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้กับประชาชนอีกด้วย
ส่วนที่รัฐสภาล่าสุดภายในบริเวณรัฐสภาได้ตั้งโรงครัว “รัฐสภารวมใจช่วยภัยน้ำท่วม” เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยพระอาจารย์ชัยณรงค์ ซึ่งดูแลที่พักสงฆ์เขมาภิรโต ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ได้ประสานผ่านนายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อมาตั้งโรงครัวและจัดทำทำข้าวกล่องวันละ 1 หมื่นชุด ตลอด 20 วันนี้
โดย นายสุวิจักษณ์ กล่าวว่า ได้มีข้าราชการรัฐสภาที่มีจิตอาสาได้มาช่วยบรรจุอาหารจำนวนมาก ซึ่งวันนี้ได้จัดส่งอาหารไปแล้ว 6 พันชุด ซึ่งทางพระอาจารย์ชัยณรงค์ เป็นผู้นำอุปกรณ์ครัว วัตถุดิบ อาหารสด พร้อมด้วยลูกศิษย์กว่า 20 คนเข้ามาดำเนินการ นอกจากนี้ ยังได้รับบริจาคผลไม้กระป๋องจากโรงงงานใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ขณะนี้ยังขาดน้ำดื่มบรรจุขวด รวมถึงข้าวสาร อาหารสดเพื่อมาประกอบอาหาร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคได้ที่รัฐสภา สำหรับพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือรับอาหารกล่องสามารถติดต่อ ได้ที่ โทร.0-2244-1004 0-2244-1830 0-2244-1855
ทางด้าน นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และทีมงาน ได้รับมอบหมายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้นำถุงยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 3,000 ชุด ไปแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้าน ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมอย่างหนักมาราว 3 สัปดาห์ โดยมีผู้ประสบภัยกว่า 500 หลังคาเรือนที่ยังอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปให้การช่วยเหลือ เพราะเป็นชุมชนเก่า และมีน้ำท่วมขังสูงระดับอกหรือประมาณ 1.2-1.5 เมตร ซึ่งต้องใช้การเดินทางโดยเรือเท่านั้น ซึ่งตลอดทั้งวันที่ทางคณะได้เข้าไปในพื้นที่ และได้มอบสิ่งของให้ประชาชนถึงบ้านนั้น พบว่าประชาชนมีอาการดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลโดยตรง และกล่าวขอบคุณทีมงานที่มามอบสิ่งของถึงหน้าบ้าน ทำให้ทุกครัวเรือนได้รับของอย่างทั่วถึง โดยทาง ศปภ.ได้ประสานกองทัพเพื่อส่งรถบรรทุกจำนวน 2 คัน และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่สนับสนุนรถบรรทุก 1 คัน และเรืออีก 1 ลำเพื่อใช้ในภารกิจนี้
โดย นายวิม เปิดเผยว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้ตนจัดทีมงาน เพื่อนำถุงยังชีพพร้อมน้ำดื่ม ไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆอาจเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะประชาชนที่ยังไม่ทิ้งบ้านไปอยู่ตามศูนย์พักพิง โดยทีมงานชุดนี้จะกระจายความช่วยเหลือไปในอีกหลายพื้นที่เพิ่มเติม
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นายฌอน บุญประคอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายสื่อต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนให้เปิดศูนย์พักพิงนานาชาติ โดยให้ใช้วิทยาลัยอาชีวะบางนา ซ.อุดมสุข 18 เป็นที่ตั้ง ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเปิดตั้งแต่บัดนี้ โดยรองรับเฉพาะชาวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ กทม.โดยมีวัตถุประสงค์ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้มีแต่ช่วยเหลือเพียงคนไทยเท่านั้น แต่จะช่วยคนต่างชาติด้วย เพราะที่ผ่านมา คนต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน ฯลฯ อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือเท่าที่ควร ซึ่งการเปิดศูนย์ดังกล่าวถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปในตัวด้วย
นายฌอน กล่าวอีกว่า ศูนย์พักพิงดังกล่าวจะสามารถรองรับชาวต่างชาติได้จำนวน 200 คน โดยภายในศูนย์จะมีอุปกรณ์เครื่องอำนวยความสะดวก อาทิ โทรทัศน์ 3 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง สัญญาณอินเทอร์เนตไวไฟ พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่ม ฟรีตลอด 3 มื้อต่อวัน โดยทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนในส่วนของที่นอน เต๊นท์ จำนวน 20 หลัง และมุ้งนอนอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเปิดศูนย์ดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการนำร่อง หากตรวจสอบพบว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมาก ก็อาจจะเปิดศูนย์ที่อื่นๆต่อไป
ขณะที่ พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ โฆษก ศปภ.ด้านการช่วยเหลือประชาชนด้านกำลังพลทหาร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือถึงแผนการเคลื่อนย้ายและอพยพประชาชนในพื้นที่ กทม. ร่วมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกองทัพ ว่า แผนการเคลื่อนย้ายและอพยพในพื้นที่ กทม.นั้น สำหรับในจุดที่มีน้ำท่วมหนัก ทางกองทัพจะเป็นผู้รับผิดชอบในการขนย้ายประชาชน โดยจะใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่มีศักยภาพในการลุยน้ำที่ท่วมสูงได้ โดยสามารถบรรทุกคนได้ 50 คนต่อเที่ยว มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบตามเขตพื้นที่ดังนี้ พล.1 รอ.จำนวน 17 เขต พล.ร.9 จำนวน 8 เขต พล.ม.2 จำนวน 10 เขต มณฑลทหารบกที่ 11 จำนวน 4 เขต หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) จำนวน 4 เขต และกองทัพเรือ 7 เขต
พล.อ.พลางกูร กล่าวต่อว่า หน่วยงานดังกล่าวจะประสานงานกับผู้อำนวยการเขตทุกเขตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอบถามว่าพื้นที่ใดต้องการอพยพบ้าง และหลังจากนั้นกองทัพจะเข้าไปขนย้ายประชาชนมายังจุดรวมพล บริเวณพื้นที่น้ำตื้น เพื่อส่งต่อให้รถ ขสมก.ที่สามารถวิ่งได้ทำการขนส่งประชาชนไปยังศูนย์อพยพต่างๆ ตามที่ กทม.และ ศปภ.ได้จัดเตรียมไว้ แต่ปัญหาในการอพยพประชาชนทั้งในจังหวัด เช่น อยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ยอมอพยพ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่ยอมอพยพออกมา ขณะเดียวกัน กทม.ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงที่จะมีน้ำท่วมและจำเป็นต้องอพยพทั้งหมด 10 เขต และเพิ่มในภายหลังอีก 6 เขต อย่างไรก็ตามระหว่างการอพยพทางกองทัพได้ประสานกับศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อเข้าไปรับผู้ป่วย เด็ก และคนชรา ในกรณีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ด้าน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนอพยพของกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ ขสมก.เตรียมรถเมล์ จำนวน 600 คัน ในการขนย้ายประชาชนจากจุดรวมพลไปส่งตามศูนย์อพยพตามที่ประชาชนต้องการ ทั้งนี้ รถ ขสมก.สามารถลุยน้ำได้ในระดับน้ำเพียง 80 ซม.เท่านั้น ส่วนพื้นที่น้ำท่วมหนัก ทางกองทัพจะรับผิดชอบรับประชาชนมายังจุดรวมพลเพื่อให้ ขสมก.รับช่วงต่อ และระหว่างการเดินทาง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้กับประชาชนอีกด้วย
ส่วนที่รัฐสภาล่าสุดภายในบริเวณรัฐสภาได้ตั้งโรงครัว “รัฐสภารวมใจช่วยภัยน้ำท่วม” เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยพระอาจารย์ชัยณรงค์ ซึ่งดูแลที่พักสงฆ์เขมาภิรโต ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ได้ประสานผ่านนายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อมาตั้งโรงครัวและจัดทำทำข้าวกล่องวันละ 1 หมื่นชุด ตลอด 20 วันนี้
โดย นายสุวิจักษณ์ กล่าวว่า ได้มีข้าราชการรัฐสภาที่มีจิตอาสาได้มาช่วยบรรจุอาหารจำนวนมาก ซึ่งวันนี้ได้จัดส่งอาหารไปแล้ว 6 พันชุด ซึ่งทางพระอาจารย์ชัยณรงค์ เป็นผู้นำอุปกรณ์ครัว วัตถุดิบ อาหารสด พร้อมด้วยลูกศิษย์กว่า 20 คนเข้ามาดำเนินการ นอกจากนี้ ยังได้รับบริจาคผลไม้กระป๋องจากโรงงงานใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ขณะนี้ยังขาดน้ำดื่มบรรจุขวด รวมถึงข้าวสาร อาหารสดเพื่อมาประกอบอาหาร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคได้ที่รัฐสภา สำหรับพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือรับอาหารกล่องสามารถติดต่อ ได้ที่ โทร.0-2244-1004 0-2244-1830 0-2244-1855
ทางด้าน นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และทีมงาน ได้รับมอบหมายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้นำถุงยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 3,000 ชุด ไปแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้าน ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมอย่างหนักมาราว 3 สัปดาห์ โดยมีผู้ประสบภัยกว่า 500 หลังคาเรือนที่ยังอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปให้การช่วยเหลือ เพราะเป็นชุมชนเก่า และมีน้ำท่วมขังสูงระดับอกหรือประมาณ 1.2-1.5 เมตร ซึ่งต้องใช้การเดินทางโดยเรือเท่านั้น ซึ่งตลอดทั้งวันที่ทางคณะได้เข้าไปในพื้นที่ และได้มอบสิ่งของให้ประชาชนถึงบ้านนั้น พบว่าประชาชนมีอาการดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลโดยตรง และกล่าวขอบคุณทีมงานที่มามอบสิ่งของถึงหน้าบ้าน ทำให้ทุกครัวเรือนได้รับของอย่างทั่วถึง โดยทาง ศปภ.ได้ประสานกองทัพเพื่อส่งรถบรรทุกจำนวน 2 คัน และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่สนับสนุนรถบรรทุก 1 คัน และเรืออีก 1 ลำเพื่อใช้ในภารกิจนี้
โดย นายวิม เปิดเผยว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้ตนจัดทีมงาน เพื่อนำถุงยังชีพพร้อมน้ำดื่ม ไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆอาจเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะประชาชนที่ยังไม่ทิ้งบ้านไปอยู่ตามศูนย์พักพิง โดยทีมงานชุดนี้จะกระจายความช่วยเหลือไปในอีกหลายพื้นที่เพิ่มเติม
