สถาบันนิวเคลียร์ฯ ยืนยันน้ำท่วมถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สถาบันไม่กระทบเตาปฏิกรณ์ มั่นใจไม่มีรังสีรั่วซ้ำรอยญี่ปุ่นแน่ ชี้เตาคนละแบบ-ของไทยไม่กลัวน้ำ แถมอยู่ตึกสูง 8.7 เมตร ระบุสั่งปิดเตาไปตั้งแต่น้ำท่วมใหม่ๆ ด้านเลขาฯ สำนักปรมาณู สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มหวั่นเกิดการปนเปื้อนรังสี
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) นางสิรินาฏ เลาหะโรจนพันธ์ รองผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แถลงข่าวถึงกรณีที่มีความวิตกกังวลว่าสถานการณ์น้ำบริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต จะกระทบต่อที่ทำการสถาบัน และอาจทำให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีนั้น ว่า โดยข้อเท็จจริงอาคารที่ตั้งของสำนักงานสูงจากระดับ ถ.วิภาวดีรังสิต 1.70 เมตร ขณะที่เตาปฏิกรณ์สำหรับการวิจัยของสถาบัน ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ติดตั้งอยู่ในสระน้ำระบบปิดอยู่บนอาคารสูงจากระดับถนนถึง 8.70 เมตร โดยสระน้ำดังกล่าวเป็นคอนกรีตหนักหนา 1 เมตร ลึก 8 เมตร และสามารถทนแรงดันน้ำได้ 2-3 ตันเป็นอย่างน้อย รวมทั้งที่ผ่านมามีการดูแลตรวจซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพที่ดีโดยตลอด
นางสิรินาฏ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เตาปฏิกรณ์ดังกล่าวยังได้ปิดระบบไปตั้งแต่วันที่ 25- 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขนส่งรังสีไอโซโทปไปยังสถานพยาบาลต่างๆ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปิดระบบเตาปฏิกรณ์ ดังนั้น ยืนยันความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่า ภาวะน้ำท่วมจะไม่มีผลกระทบถึงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ รวมไปถึงกากกัมมันตภาพรังสี ที่มีการจัดเก็บอยู่ในแท่งคอนกรีตหนามิดชิดไม่สามารถรั่วไหลออกมาได้ ส่วนที่ประชาชนแสดงความกังวลว่าสถานการณ์จะเป็นเหมือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่เมืองฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่นนั้น ขอยืนยันว่า เตาปฏิกรณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นเคยระเบิดนั้น เป็นแบบแรงดันสูง และมีปัญหาเนื่องจากเตาแห้งและขาดน้ำไม่ได้ แต่เครื่องปฏิกรณ์ในประเทศไทยมีน้ำอยู่ในเตาตลอดเวลา
ด้าน นายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้าเกิดน้ำท่วมได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ให้เตรียมความพร้อมป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของกัมมันตภาพรังสี ซึ่งทางสถาบันฯก็ได้ปฏิบัติตามเตรียมความพร้อมอย่างดี อย่างไรก็ตามจะมีการเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบสภาพพื้นที่ทั้งช่วงนี้และหลังน้ำท่วมอีกครั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจสูงสุด
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) นางสิรินาฏ เลาหะโรจนพันธ์ รองผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แถลงข่าวถึงกรณีที่มีความวิตกกังวลว่าสถานการณ์น้ำบริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต จะกระทบต่อที่ทำการสถาบัน และอาจทำให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีนั้น ว่า โดยข้อเท็จจริงอาคารที่ตั้งของสำนักงานสูงจากระดับ ถ.วิภาวดีรังสิต 1.70 เมตร ขณะที่เตาปฏิกรณ์สำหรับการวิจัยของสถาบัน ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ติดตั้งอยู่ในสระน้ำระบบปิดอยู่บนอาคารสูงจากระดับถนนถึง 8.70 เมตร โดยสระน้ำดังกล่าวเป็นคอนกรีตหนักหนา 1 เมตร ลึก 8 เมตร และสามารถทนแรงดันน้ำได้ 2-3 ตันเป็นอย่างน้อย รวมทั้งที่ผ่านมามีการดูแลตรวจซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพที่ดีโดยตลอด
นางสิรินาฏ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เตาปฏิกรณ์ดังกล่าวยังได้ปิดระบบไปตั้งแต่วันที่ 25- 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขนส่งรังสีไอโซโทปไปยังสถานพยาบาลต่างๆ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปิดระบบเตาปฏิกรณ์ ดังนั้น ยืนยันความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่า ภาวะน้ำท่วมจะไม่มีผลกระทบถึงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ รวมไปถึงกากกัมมันตภาพรังสี ที่มีการจัดเก็บอยู่ในแท่งคอนกรีตหนามิดชิดไม่สามารถรั่วไหลออกมาได้ ส่วนที่ประชาชนแสดงความกังวลว่าสถานการณ์จะเป็นเหมือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่เมืองฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่นนั้น ขอยืนยันว่า เตาปฏิกรณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นเคยระเบิดนั้น เป็นแบบแรงดันสูง และมีปัญหาเนื่องจากเตาแห้งและขาดน้ำไม่ได้ แต่เครื่องปฏิกรณ์ในประเทศไทยมีน้ำอยู่ในเตาตลอดเวลา
ด้าน นายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้าเกิดน้ำท่วมได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ให้เตรียมความพร้อมป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของกัมมันตภาพรังสี ซึ่งทางสถาบันฯก็ได้ปฏิบัติตามเตรียมความพร้อมอย่างดี อย่างไรก็ตามจะมีการเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบสภาพพื้นที่ทั้งช่วงนี้และหลังน้ำท่วมอีกครั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจสูงสุด
