กลาโหมเริ่มขนย้ายอาวุธเที่ยงนี้ เตือนประชาชนอย่าแตกตื่นเคลื่อนยุทโธปกรณ์หลังน้ำทะลัก พร้อมเตรียมแผนย้ายรถถัง-สายพานลำเลียงหากน้ำถึงพหลโยธิน เชื่อไม่กระทบจราจร เผยสั่งการกองทัพทำข้่อดี-ข้อเสียเสนอนายกฯ เชื่อส่งดีต่อแผน “นิวไทยแลนด์” ปัด ศปภ.-ทหารขัดแย้งรุนแรงอย่างที่สื่อเสนอ ชี้ให้ “สารวัตรทหาร” ช่วยตำรวจเรื่องการเจรจาเท่านั้น
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า ขณะนี้น้ำเริ่มท่วมตรงบริเวณด้านหน้ากรมทหารราบที่ 11 ซึ่งระดับน้ำที่ท่วมเริ่มสูงขื้นทุกปี โดยตอนนี้ ทางกรมทหารราบที่ 11 เองได้มีการเคลื่อนย้ายรถสายพานลำเลียงคน (APC) เพื่อนำไปเก็บไว้ที่ กรมทหารราบที่ 11 ร.1 พัน.3 จ.เพชรบุรี แล้ว เพื่อไม่ให้น้ำท่วมรถดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ แต่เป็นการเคลื่อนย้ายทางธุรการ เพื่ออพยพยุทโธปกรณ์ที่เป็นอาวุธต่างๆ ที่อาจได้รับความสูญเสียจากนน้ำท่วมได้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปริมาณยุทโธปกรณ์ที่เคลื่อนย้าย มีปริมาณเท่าไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ที่กรมทหารราบที่ 11 เอง ทั้ง ร.11 พัน.1 กับ ร.11 นั้นจะมีอยู่ 2 กองพัน โดยกรมทหารราบที่ 11 นั้นจะเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไปทั้งหมด เพราะตอนนี้น้ำเริ่มสูงขึ้นมากแล้วในขณะนี้
เมื่อถามว่า เวลาเคลื่อนย้ายจะเริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เริ่มต้นตั้งแต่ 12 .00 น.ของวันนี้ (31 ต.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งตนคิดว่าคงจะค่อยๆ ทำการขยับเพื่อเคลื่อนย้าย ดังนั้นอย่าได้ตกใจอะไรไป ไม่ได้เป็นการเอาอาวุธไปไว้ที่ไหน แค่เป็นการเอาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก็เท่านั้น
เมื่อถามว่ายังมีจุดอื่นอีกหรือไม่ที่จะต้องเคลื่อนย้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีส่วนอื่น แต่ถ้าไปถึงพหลโยธินจนถึงกองพลทหารม้าที่ 2 คราวนี้ก็จะต้องเคลื่อนย้ายรถถัง รถสายพานลำเลียงพลที่อยู่ในกองพลทหารม้าที่ 2 ต่อไป ขณะนี้น้ำยังท่วมไม่ถึง เป็นแค่เพียงการเตรียมการไว้แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่า การเคลื่อนย้ายดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบกับการจราจรปกติหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบเพราะเราจะมีรถนำขบวนคอยเคลียร์ทางให้ โดยจะเคลื่อนย้ายกันเป็นขบวน และจะมีการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด ที่มีการจราจรติดขัดน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะต้องใช้เส้นทางของถนนพระรามที่ 2 เป็นเส้นทางใหญ่ในการลำเลียงครั้งนี้
เมื่อถามว่า มีกระแสว่าการทำงานของ ศปภ.ในช่วงหลัง มีปัญหาสับสนในการสั่งการค่อนข้างมากนั้น เรื่องนี้ได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าววว่า กราบเรียนกับนายกฯ ไปแล้ว ว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตามที่สื่อเสนอ เรายังสามารถประสานงานกันได้ แต่อะไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานนั้น ในส่วนของทางทหารเอง เมื่อปฏิบัติงานอะไรแล้ว จะต้องมีทำแผนบทเรียนรายงานสรุป ข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอ กลับมาทุกเรื่อง เพื่อให้รู้ว่าเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ได้บอกไปกับทุกกองทัพแล้วว่า ขอให้จดทุกสิ่งเหล่านี้เพื่อนำเสนอเข้าส่วนกลาง นั่นก็คือกองทัพไทย เพื่อให้มีการเสนอเรื่องเข้าไปในที่ประชุมกลาโหมอีกที และจะนำเรื่องเข้าเรียนนายกฯ ต่อไปตามลำดับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนถือว่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อรัฐบาล ในการวางแผน หรือที่รัฐบาลเรียกว่านิวไทยแลนด์นั่นเอง ทั้งนี้ยืนยันว่าตนได้เข้ากราบเรียนถึงเรื่องดังกล่าวต่อนายกฯ ไปแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า ขณะนี้นั้นปัญหาอาชญากรรมกำลังเพิ่มมากขึ้น จะถึงเวลาแล้วหรือยังที่กองทัพจะเข้ามาเสริมกำลังเพื่อช่วยเหลือในส่วนนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก่อน ให้ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า กระแสที่ว่ามีการขัดแย้ง จนต้องส่ง สารวัตรทหารลงไปประจำการตามจุดต่างๆ ในขณะนี้ เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เมื่อทางตำรวจมีปัญหามาก จนกระทั่งกำลังไม่เพียงพอ ทางศูนย์ฯ ก็ขอกำลังมาที่ตน ซึ่งตนก็ได้สั่งการไปยังกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก ให้เร่งดำเนินการส่งทหารที่เป็นสารวัตรทหาร ซึ่งโดยปกติก็มีหน้าที่คอยควบคุมประชาชนอยู่แล้ว เพื่อไปเสริมกับกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกที และก็ไปขอให้กำลังตำรวจที่มีปัญหาอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ประจำการอยู่ที่จุดเดิม เพราะทหารเป็นเพียงไปเสริมเพื่อช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งเรามีกำลัง 200 คน ที่เราสามารถจะส่งไปเสริมกับกำลังของตำรวจได้ ส่วนมากจะเป็นการพูดการเจรจา และขอร้อง มากกว่าที่จะใช้อำนาจ หรือใช้กำลังบังคับ โดยจุดแรกที่ส่งไปก็คือ จุดที่ประตูน้ำ 3 วา
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า ขณะนี้น้ำเริ่มท่วมตรงบริเวณด้านหน้ากรมทหารราบที่ 11 ซึ่งระดับน้ำที่ท่วมเริ่มสูงขื้นทุกปี โดยตอนนี้ ทางกรมทหารราบที่ 11 เองได้มีการเคลื่อนย้ายรถสายพานลำเลียงคน (APC) เพื่อนำไปเก็บไว้ที่ กรมทหารราบที่ 11 ร.1 พัน.3 จ.เพชรบุรี แล้ว เพื่อไม่ให้น้ำท่วมรถดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ แต่เป็นการเคลื่อนย้ายทางธุรการ เพื่ออพยพยุทโธปกรณ์ที่เป็นอาวุธต่างๆ ที่อาจได้รับความสูญเสียจากนน้ำท่วมได้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปริมาณยุทโธปกรณ์ที่เคลื่อนย้าย มีปริมาณเท่าไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ที่กรมทหารราบที่ 11 เอง ทั้ง ร.11 พัน.1 กับ ร.11 นั้นจะมีอยู่ 2 กองพัน โดยกรมทหารราบที่ 11 นั้นจะเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไปทั้งหมด เพราะตอนนี้น้ำเริ่มสูงขึ้นมากแล้วในขณะนี้
เมื่อถามว่า เวลาเคลื่อนย้ายจะเริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เริ่มต้นตั้งแต่ 12 .00 น.ของวันนี้ (31 ต.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งตนคิดว่าคงจะค่อยๆ ทำการขยับเพื่อเคลื่อนย้าย ดังนั้นอย่าได้ตกใจอะไรไป ไม่ได้เป็นการเอาอาวุธไปไว้ที่ไหน แค่เป็นการเอาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก็เท่านั้น
เมื่อถามว่ายังมีจุดอื่นอีกหรือไม่ที่จะต้องเคลื่อนย้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีส่วนอื่น แต่ถ้าไปถึงพหลโยธินจนถึงกองพลทหารม้าที่ 2 คราวนี้ก็จะต้องเคลื่อนย้ายรถถัง รถสายพานลำเลียงพลที่อยู่ในกองพลทหารม้าที่ 2 ต่อไป ขณะนี้น้ำยังท่วมไม่ถึง เป็นแค่เพียงการเตรียมการไว้แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่า การเคลื่อนย้ายดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบกับการจราจรปกติหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบเพราะเราจะมีรถนำขบวนคอยเคลียร์ทางให้ โดยจะเคลื่อนย้ายกันเป็นขบวน และจะมีการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด ที่มีการจราจรติดขัดน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะต้องใช้เส้นทางของถนนพระรามที่ 2 เป็นเส้นทางใหญ่ในการลำเลียงครั้งนี้
เมื่อถามว่า มีกระแสว่าการทำงานของ ศปภ.ในช่วงหลัง มีปัญหาสับสนในการสั่งการค่อนข้างมากนั้น เรื่องนี้ได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าววว่า กราบเรียนกับนายกฯ ไปแล้ว ว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตามที่สื่อเสนอ เรายังสามารถประสานงานกันได้ แต่อะไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานนั้น ในส่วนของทางทหารเอง เมื่อปฏิบัติงานอะไรแล้ว จะต้องมีทำแผนบทเรียนรายงานสรุป ข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอ กลับมาทุกเรื่อง เพื่อให้รู้ว่าเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ได้บอกไปกับทุกกองทัพแล้วว่า ขอให้จดทุกสิ่งเหล่านี้เพื่อนำเสนอเข้าส่วนกลาง นั่นก็คือกองทัพไทย เพื่อให้มีการเสนอเรื่องเข้าไปในที่ประชุมกลาโหมอีกที และจะนำเรื่องเข้าเรียนนายกฯ ต่อไปตามลำดับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนถือว่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อรัฐบาล ในการวางแผน หรือที่รัฐบาลเรียกว่านิวไทยแลนด์นั่นเอง ทั้งนี้ยืนยันว่าตนได้เข้ากราบเรียนถึงเรื่องดังกล่าวต่อนายกฯ ไปแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า ขณะนี้นั้นปัญหาอาชญากรรมกำลังเพิ่มมากขึ้น จะถึงเวลาแล้วหรือยังที่กองทัพจะเข้ามาเสริมกำลังเพื่อช่วยเหลือในส่วนนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก่อน ให้ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า กระแสที่ว่ามีการขัดแย้ง จนต้องส่ง สารวัตรทหารลงไปประจำการตามจุดต่างๆ ในขณะนี้ เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เมื่อทางตำรวจมีปัญหามาก จนกระทั่งกำลังไม่เพียงพอ ทางศูนย์ฯ ก็ขอกำลังมาที่ตน ซึ่งตนก็ได้สั่งการไปยังกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก ให้เร่งดำเนินการส่งทหารที่เป็นสารวัตรทหาร ซึ่งโดยปกติก็มีหน้าที่คอยควบคุมประชาชนอยู่แล้ว เพื่อไปเสริมกับกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกที และก็ไปขอให้กำลังตำรวจที่มีปัญหาอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ประจำการอยู่ที่จุดเดิม เพราะทหารเป็นเพียงไปเสริมเพื่อช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งเรามีกำลัง 200 คน ที่เราสามารถจะส่งไปเสริมกับกำลังของตำรวจได้ ส่วนมากจะเป็นการพูดการเจรจา และขอร้อง มากกว่าที่จะใช้อำนาจ หรือใช้กำลังบังคับ โดยจุดแรกที่ส่งไปก็คือ จุดที่ประตูน้ำ 3 วา