ศูนย์ข่าวศรีราชา - หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ จัดกำลังพล ข้าราชการ และพลทหาร 101 นาย เดินทางพร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ จากที่ตั้งในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เข้าช่วยเหลือและอพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวกรุงเก่า พร้อมอพยพพระสงฆ์ที่รักษาอาการอาพาธใน รพ.พระนครศรีอยุธยา
วันนี้ (10 ต.ค.) พลเรือตรี นพดล สุภากร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ ได้รับมอบหมายจาก พลเรือเอก สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้จัดส่งกำลังพลจำนวน 101 นาย พร้อมรถยนต์บรรทุกขนาด 2.5 ตัน จำนวน 6 คัน รถบรรทุกขนาด 1.5 ตัน 1 คัน รถยนต์ลำเลียงพล 4 คัน และรถวิทยุเคลื่อนที่อีก 1 คัน ออกเดินทางจากกรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (กรม.สอ.1 สอ.รฝ.) อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อเข้าสบทบกับศูนย์อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วม ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นาวาโท ใจเพชร ทองด้วง ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๑๑ กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ (ผบ.พัน.สอ.11 กรม.สอ.1 สอ.รฝ.)
หลังเดินทางถึงที่หมาย นาวาโท ใจเพชร ทองด้วง ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 11 ได้สั่งการให้กำลังพลพร้อมรถบรรทุกขนาด 2.5 ตัน จำนวน 2 คัน เริ่มปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือหญิงชราสัญชาติอังกฤษที่ล้มป่วยด้วยโรคหัวใจจนหมดสติ รวมถึงคนพิการ คนชรา และชาวบ้านที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา ที่ถูกกระแสน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในช่วงกลางดึกของวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางเข้าช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบนถนน 2 ฝั่งมีน้ำท่วมสูง
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ภาพที่เห็นขณะที่รถกำลังวิ่งผ่านบนสะพานสมเด็จพระนเรศวนมหาราช ข้ามแม่น้ำป่าสัก คือ ระดับน้ำที่สูงจนท่วมวัดกล้วยอายุเก่าแก่หลายร้อยปี และบ้านเรือนประชาชน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจนจมอยู่ใต้บาดาล นอกจากนี้ ตลอดเส้นทางยังพบชาวบ้านหอบสิ่งของหนีน้ำออกมาจากที่พัก และพบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หลายสิบคันต้องถูกทิ้งให้จมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากไม่สามารถนำออกไปได้ทัน
และเมื่อเดินทางถึงพื้นที่เป้าหมายเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกองทัพเรือ ได้ช่วยกันเร่งลำเลียงคนป่วย และชาวบ้าน ออกนอกพื้นที่ เพื่อหนีน้ำที่กำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนวัดราชประดิษฐาน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน พระ และสามเณร ที่จำพรรษาอยู่ในวัดประมาณ 40 รูป ได้รับการช่วยเหลือจากทหารบก กองพลทหารม้าที่ 2 และกองพลทหารม้าที่ 17 รักษาพระองค์ ในการนำอพยพหนีน้ำออกมาอย่างปลอดภัย แต่ก็ยังมีประชาชนอีกนับร้อยคนที่ยังคงติดค้างอยู่
เบื้องต้นกองทัพเรือ ได้นำรถบรรทุกขนาด 2.5 ตัน จำนวน 3 คัน พร้อมเรือยาง เข้าให้การช่วยเหลือแล้ว
ล่าสุด ทางกองทัพเรือได้เข้าอพยพพระสงฆ์ที่อาพาธ และรักษาตัวอยู่ใน รพ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว หลังน้ำเข้าท่วมบริเวณโรงพยาบาล โดยปริมาณน้ำท่วมสูงอยู่ที่ระดับเข่าแล้ว
