“อนุดิษฐ์” ฉะ ปชป.อย่าเล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ ท้าเปิดชื่อนักการเมืองบล็อกน้ำไม่ให้ผ่านฝั่งตะวันออก ยอมรับหาก ปชช.ไม่ยอมออกจากบ้าน ใช้ กม.บังคับไม่ได้ วอนถ้าไม่อพยพต้องดูแลตัวเองให้ดี มั่นใจดอนเมืองยังเหมาะตั้งศูนย์ แต่ถ้าต้องย้ายก็ไม่เสียหน้า
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า สถานการณ์เฉพาะหน้าใน กทม.ตอนนี้สิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ การเร่งนำน้ำจากทิศเหนือระบายลงทิศใต้ โดยพยายามทำทุกทางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทางตะวันออกนั้นได้ติดตามสถานการณ์แล้วพบว่าคุณภาพการระบายน้ำยังไม่ดีพอ จึงจำเป็นต้องไปดูว่าติดขัดจุดใด และต้องปรับปรุงการระบายน้ำต่อเนื่อง โดยจะใช้วิธีเพิ่มทางออกให้มีพื้นที่รองรับน้ำมากขึ้น หรือแม้แต่การเจาะถนนที่จะระบายน้ำเร็วขึ้น โดยบ่ายวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหารือในเรื่องนี้ อีกทั้งต้องขุดคลองลัดทางด้านคลองสิบเพื่อให้น้ำจากคลองรังสิต-นครนายก ทรงตัวหรือลดลง
ส่วนกรณีที่ ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า ศปภ.ไม่ระบายน้ำลงทางตะวันออกของ กทม. เพราะมีบางคนในรัฐบาลที่มีฐานเสียงอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่ต้องการให้ระบายน้ำไปทางนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นการกล่าวหาทางการเมืองที่ปราศจากข้อเท็จจริง หลักสามัญสำนึกนั้นทุกคนพยายามระบายน้ำออกทั้งนั้น หากทราบว่าใครสั่งให้ไม้ระบายน้ำพรรคประชาธิปัตย์ระบุชื่อมาเลย การพูดแบบเล่นการเมืองเช่นนี้ถือว่าไม่สร้างสรรค์ เพราะวันนี้ ศปภ.พยายามระบายน้ำเต็มที่
น.อ.อนุดิษฐ์ยังได้กล่าวถึงการเตรียมอพยพประชาชนตามที่ ศปภ.ระบุว่าจะมีพื้นที่รองรับประชาชน 2 แสนคนไว้ใน 9 จังหวัดว่า เป็นการประเมินในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด หากจะมีการประกาศให้อพยพจริงนั้น รัฐบาลจะดูแลการขนย้ายประชาชนทุกอย่าง โดยจะประกาศจุดรวมพลและสายที่จะแยกย้ายไป เพราะความจริงแล้วประชาชนอาจจะไม่อพยพมากขนาดนั้น เพราะจากข้อเท็จจริงประชาชนบางส่วนเตรียมอาหารและป้องกันที่พักอาศัยของตัวเองไว้แล้ว แต่ประชาชนที่จำเป็นต้องอพยพนั้นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ริมน้ำ ริมคลอง ชุมชนแออัด และการอยพยพนั้นเป็นสิทธิของประชาชน หากรัฐบาลจะใช้กฎหมายบีบบังคับให้ย้ายออกมาจากที่พักอาศัยของตัวเองนั้นเป็นไปได้ยาก และหากไม่ปฏิบัติตามก็เป็นเพียงลหุโทษเท่านั้น
“ตอนนี้มันเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ ไม่ใช่ภัยพิบัติเฉพาะจุด หากจะใช้กฎมายบังคับนั้นเป็นไปได้ยาก ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของประชาชนเป็นสำคัญในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง ดังนั้นรัฐบาลจะเร่งให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมสถานการณ์และควรรับฟังข่าวสารจาก ศปภ.ในการแจ้งเตือนด้วย” น.อ.อนุดิษฐ์ระบุ
สำหรับกระแสข่าวการย้าย ศปภ.จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังสถานที่อื่น เช่น สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือสนามศุภชลาศัยนั้น รมว.ไอซีทีกล่าวว่า ส่วนตัวนั้นคิดว่าการย้าย ศปภ.หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ ระบบสาธารณูปโภคและพลังงานที่ ศปภ.ต้องมีไว้ใช้ทำงาน สนามบินดอนเมืองมีความพร้อมด้านนี้สูง และยังแก้ไขระบบสำรองต่างๆ ไว้แล้ว รวมไปถึงเส้นทางคมนาคม แม้ตอนนี้ถนนวิภาวดี-รังสิตจะเริ่มมีน้ำเอ่อนอง แต่ได้จัดรถทหารไว้รองรับ อีกทั้งยังมีดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นเส้นทางสำคัญในการเดินทาง สมมติว่าน้ำท่วมเต็มพื้นที่แล้ว ก็จะใช้ดอนเมืองโทลล์เวย์เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้
“คิดว่าดอนเมืองยังเหมาะที่จะใช้เป็นศูนย์ ศปภ.ต่อไป ส่วนพื้นที่สำรองหาก ศปภ.ต้องย้ายออกจากดอนเมืองไปจริงนั้น ตามยุทธศาสตร์ต้องมีเตรียมไว้อยู่แล้ว ซึ่งสถานที่ที่เป็นข่าวนั้นก็เหมาะสม เพราะมีระบบสาธารณูปโภคครบถ้วนแล้ว และไม่ใช่เรื่องเสียหน้าหากต้องย้าย ศปภ.จริง” รมว.ไอซีทีกล่าวในที่สุด
