ในยามที่คนไทยค่อนประเทศกำลังระทมจมน้ำในยุครัฐบาลปูแดง-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนแม้แต่ นายกหญิงคนแรกยังยอมจำนนต่อสภาวการณ์นี้
ออดอ้อนขอความเห็นใจจากประชาชน แทนการเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาว่า “ขอให้อดทนนะคะ รัฐบาลจะหาอาชีพเสริมให้ฝึกทักษะแก้เหงา”
จนหนึ่งในผู้อพยพถึงกับอดรนทนไม่ไหว โทรศัพท์หาเพื่อนระบายความอึดอัดว่า “นายกฯ เขาไม่รู้หรือไงว่าคนที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์ราชการนี่ ส่วนใหญ่เป็นพวกมนุษย์เงินเดือน จะให้ไปสานตะกร้าขายหรือไง”
การมองปัญหาไม่ทะลุขบปัญหาไม่แตกเช่นนี้เอง
เป็นที่มาของความโกลาหลตลอดหลายเดือนที่ประเทศไทยกำลังผจญกับสงครามน้ำที่กำลังยกทัพโจมตีทลายปราการด่านหน้าจนราบเป็นหน้ากลอง กระทั่งรุกคืบเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวง โดยที่รัฐบาลยังมืดบอดไร้หนทางบรรเทาวิกฤตจากมหันตภัยครั้งนี้
คนเป็นนายกฯ ยังไม่กล้าแม้กระทั่งออกทีวีพูลด้วยตัวเอง เพื่อปลุกปลอบประชนที่กำลังขวัญเสีย แต่ไร้คุณธรรมมากพอที่จะมีมติ ครม.โยกย้าย
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่คนปทุมยังระทมจมน้ำ
เพียงเพราะเขาไม่ใช่สีแดง!
ทั้งๆ ที่ บทบาทของอดีตผู้ว่าฯ ปทุมฯรายนี้ เด่นชัดไม่คิดดังผ่านสื่อ หรือฉกฉวยเอาความเดือดร้อนของประชานมาสร้างตัวเองเป็นวีรบุรุษ
ทุกครั้งที่ภาพเขาปรากฏผ่านหน้าจอทีวี ล้วนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายกับความพยายามต่อสู้ในสงครามน้ำอย่างเต็มกำลัง และถือเป็นผู้ว่าราชการจังหัดคนเดียวที่กล้าเสนอรัฐบาลตรงๆ ว่า ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ ที่มีนักการเมืองระดับชาติหนุนประชาชนออกมาต่อต้านการทำงานของฝ่ายราชการได้
แต่รัฐบาลก็ใจดำเกินกว่าจะสนใจเสียงเรียกร้องของข้าราชการ ที่มุ่งแก้ปัญหาให้ส่วนรวมมากกว่ารักษาผลประโยชน์หรือฐานเสียงของฝ่ายการเมือง
จะว่าไปแล้วก็มีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่อุตส่าห์มีน้ำใจเดินทางลงพื้นที่เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ แต่ก็ถูกแดงปทุมตอกหน้าว่า “ทำไมไม่เอาทหารราบ 11 มาด้วย”
จน พล.อ.ประยุทธ์ พูดได้คำเดียวว่า "เสียใจกับพฤติกรรมที่ยังไม่รับรู้ถึงเสียงเตือนจากธรรมชาติผ่านภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้"
การย้ายผู้ว่าเมืองปทุมธานี ขอรัฐบาลในขณะกรำศึกน้ำก็ไม่ต่างอะไรจาก สันดานไพร่แดงที่ยังมุ่งเล่นพรรคเล่นพวก ทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คำนึงถึงกาลเทศะ
ว่าในห้วงที่ไทยทุกข์ยากเช่นนี้ควรเร่งบรรเทาทุกข์พี่น้องไทย ไม่ใช่ฉกฉวยสถานการณ์มาสร้างประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเองอย่างไร้สำนึก
อากัปกริยาของนายกฯ ที่ไร้ภาวะผู้นำ การสื่อสารของ ศปภ.ที่หมกเม็ดมั่วตลอด การเอาปัญหาน้ำมาเล่นเกมการเมืองของ ส.ส.เพื่อไทย การใช้ของบริจาคจากจิตบริสุทธิ์ของประชาชนไปสร้างฐานเสียงผ่านคนเสื้อแดง ฯลฯ
ล้วนบ่งชี้ว่า ประชาชนมิอาจพึ่งพารัฐบาลชุดนี้ได้!
ออดอ้อนขอความเห็นใจจากประชาชน แทนการเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาว่า “ขอให้อดทนนะคะ รัฐบาลจะหาอาชีพเสริมให้ฝึกทักษะแก้เหงา”
จนหนึ่งในผู้อพยพถึงกับอดรนทนไม่ไหว โทรศัพท์หาเพื่อนระบายความอึดอัดว่า “นายกฯ เขาไม่รู้หรือไงว่าคนที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์ราชการนี่ ส่วนใหญ่เป็นพวกมนุษย์เงินเดือน จะให้ไปสานตะกร้าขายหรือไง”
การมองปัญหาไม่ทะลุขบปัญหาไม่แตกเช่นนี้เอง
เป็นที่มาของความโกลาหลตลอดหลายเดือนที่ประเทศไทยกำลังผจญกับสงครามน้ำที่กำลังยกทัพโจมตีทลายปราการด่านหน้าจนราบเป็นหน้ากลอง กระทั่งรุกคืบเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวง โดยที่รัฐบาลยังมืดบอดไร้หนทางบรรเทาวิกฤตจากมหันตภัยครั้งนี้
คนเป็นนายกฯ ยังไม่กล้าแม้กระทั่งออกทีวีพูลด้วยตัวเอง เพื่อปลุกปลอบประชนที่กำลังขวัญเสีย แต่ไร้คุณธรรมมากพอที่จะมีมติ ครม.โยกย้าย
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่คนปทุมยังระทมจมน้ำ
เพียงเพราะเขาไม่ใช่สีแดง!
ทั้งๆ ที่ บทบาทของอดีตผู้ว่าฯ ปทุมฯรายนี้ เด่นชัดไม่คิดดังผ่านสื่อ หรือฉกฉวยเอาความเดือดร้อนของประชานมาสร้างตัวเองเป็นวีรบุรุษ
ทุกครั้งที่ภาพเขาปรากฏผ่านหน้าจอทีวี ล้วนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายกับความพยายามต่อสู้ในสงครามน้ำอย่างเต็มกำลัง และถือเป็นผู้ว่าราชการจังหัดคนเดียวที่กล้าเสนอรัฐบาลตรงๆ ว่า ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ ที่มีนักการเมืองระดับชาติหนุนประชาชนออกมาต่อต้านการทำงานของฝ่ายราชการได้
แต่รัฐบาลก็ใจดำเกินกว่าจะสนใจเสียงเรียกร้องของข้าราชการ ที่มุ่งแก้ปัญหาให้ส่วนรวมมากกว่ารักษาผลประโยชน์หรือฐานเสียงของฝ่ายการเมือง
จะว่าไปแล้วก็มีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่อุตส่าห์มีน้ำใจเดินทางลงพื้นที่เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ แต่ก็ถูกแดงปทุมตอกหน้าว่า “ทำไมไม่เอาทหารราบ 11 มาด้วย”
จน พล.อ.ประยุทธ์ พูดได้คำเดียวว่า "เสียใจกับพฤติกรรมที่ยังไม่รับรู้ถึงเสียงเตือนจากธรรมชาติผ่านภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้"
การย้ายผู้ว่าเมืองปทุมธานี ขอรัฐบาลในขณะกรำศึกน้ำก็ไม่ต่างอะไรจาก สันดานไพร่แดงที่ยังมุ่งเล่นพรรคเล่นพวก ทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คำนึงถึงกาลเทศะ
ว่าในห้วงที่ไทยทุกข์ยากเช่นนี้ควรเร่งบรรเทาทุกข์พี่น้องไทย ไม่ใช่ฉกฉวยสถานการณ์มาสร้างประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเองอย่างไร้สำนึก
อากัปกริยาของนายกฯ ที่ไร้ภาวะผู้นำ การสื่อสารของ ศปภ.ที่หมกเม็ดมั่วตลอด การเอาปัญหาน้ำมาเล่นเกมการเมืองของ ส.ส.เพื่อไทย การใช้ของบริจาคจากจิตบริสุทธิ์ของประชาชนไปสร้างฐานเสียงผ่านคนเสื้อแดง ฯลฯ
ล้วนบ่งชี้ว่า ประชาชนมิอาจพึ่งพารัฐบาลชุดนี้ได้!