xs
xsm
sm
md
lg

“ภาณุ”ไม่หือโดนเด้ง ฟื้นรัฐตำรวจ ดับไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
คงมีเพียงความเห็นจากแค่ฝ่ายค้าน-พรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายเดียวที่ตั้งข้อกังขากับมติคณะรัฐมนตรี ที่เด้ง นายภาณุ อุทัยรัตน์ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ระดับ 11

ไปเข้ากรุเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ตำแหน่งเดียวกับ ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)และวิเชียร ชวลิต อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย

แต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.แทน

เจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส ประชาธิปัตย์ในฐานะรมช.มหาดไทยเงา ออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อบอกว่า รัฐบาลมีความสับสนในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคฝ่ายค้านมองว่าแม้จะเปลี่ยนตัวเลขาฯ ศอ.บต.แต่ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ด้านความมั่นคงซึ่งในช่วงปี 2547 ที่พล.ต.อ.โกวิทเป็นผบ.ตร.ใช้นโยบายที่ผิดพลาดในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

“มาวันนี้ พล.ต.อ.โกวิทคือผู้คุมการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาล จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่กังวลว่า ปัญหาก็อาจจะกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆ มีการลักพาตัวผู้ต้องสงสัย หรืออุ้มฆ่า”

อีกคนหนึ่งคือ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเด้งนายภานุว่า ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ มีความไม่มั่นใจในแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ เป็นการกระทำเพื่อการเมือง และชัดเจนว่าใช้คนที่ไม่เหมาะสมกับงาน เพราะตัวพ.ต.อ.ทวี สอดส่องไม่คุ้นเคยกับพื้นที่เปรียบเสมือนการทดลองงาน การแก้ปัญหานี้ควรใช้คนในพื้นที่ ให้ได้รับโอกาสเข้ามาร่วมรับผิดชอบ

“ที่ผ่านมา นายภานุ ซึ่งเป็นชาว จ.ปัตตานี และเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ในพื้นที่มาโดยตลอด เป็นชาวไทยพุทธ ที่คุ้นเคยและเข้าใจปัญหาและวิถีความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ได้อย่างดียิ่ง และได้กำหนดแนวมาตรการการแก้ปัญหาที่ประสบความสำเร็จ เป็นที่พึงพอใจของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก”

รวบความคิดของทั้ง เจะอามิง โต๊ะตาหยง-สุรเชษฐ์ แวอาแซ สองส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือการมองว่าการเอาทวี สอดส่อง มาเป็นเลขาธิการศอ.บต. โดยมีพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นแม่ทัพใหญ่คุมการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากเป็นการประเคนตำแหน่งระดับ 11 ให้กับทวี สอดส่อง อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สายพรรคเพื่อไทย ผู้ทำคดีเงินบริจาคทีพีไอ 258 ล้านบาทให้ประชาธิปัตย์จนนำไปสู่คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นการตอบแทนและปูทางการขึ้นสู่ระดับ 11

ฝ่ายค้านเห็นว่ายังเป็นการวางคนไม่เหมาะกับงาน เนื่องจากทวี ไม่เคยมีประวัติการทำงานอะไรที่โดดเด่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และไม่ใช่คนในพื้นที่

อีกทั้ง การให้ “โกวิท-ทวี”มาคุมการแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งในสายงานป้องกัน-ปราบปราม-งานพัฒนาและจิตวิทยามวลชนอาจเป็นการหวนคืนของการฟื้น

“รัฐตำรวจ”

ที่ยังคงเป็นภาพหลอนของคนในพื้นที่ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ซึ่งเคยเจอมาแล้วสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

ยิ่งเมื่อพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ได้ขึ้นมาเป็นผบ.ตร.แบบเต็มตัวแล้วนับแต่นี้หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)มีมติให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์รับตำแหน่งผบ.ตร. เมื่อ 19 ตุลาคม ก็ถือเป็นการเตรียมเข้าไปแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การกุมบังเหียนคนสีกากีของ “บิ๊กอ๊อฟ”จะเริ่มนับจากนี้เป็นต้นไป

เสียงสะท้อนที่เป็นความคิดเห็นของส.ส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่ทั้งไม่เห็นด้วย-เป็นห่วงและไม่เชื่อมือการทำงานของ “โกวิท-ทวี”ที่แม้จะยังไม่ได้เริ่มทำงานคู่กันอย่างจริงจัง ทั้งสองคนอาจบอกว่าขอโอกาสได้ทำงานก่อนแล้วค่อยมาดูกันดีว่าทำได้หรือไม่ มีความรุนแรงในการแก้ปัญหาหรือไม่ ไม่ใช่มารีบด่วนตัดสินอะไรทั้งที่ยังไม่ทันเข้ารับตำแหน่งแม้แต่วันเดียว

เรา“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”ก็อยากให้โอกาสทีมแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลได้ทำงานสักระยะหนึ่งก่อน เพียงแต่เมื่อมีเสียงแสดงความเป็นห่วงต่อการจัดทัพทีมแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรออกมา ก็ควรที่รัฐบาลและตัวบุคคลทั้งพล.ต.อ.โกวิท-พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ และพ.ต.อ.ทวี ก็ต้องรับฟัง

ยิ่งมีเสียงปรามาสมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องทำงานด้วยความระมัดระวังและสร้างผลงานให้เกิดขึ้นให้ได้

เพราะดูแล้ว การเข้ารับตำแหน่ง เลขาธิการศอ.บต.ของทวี คงไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากตัว ภาณุ เองก็ประกาศแล้วว่าจะไม่มีการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.)และศาลปกครอง เพราะรับได้และไม่มีปัญหาอะไรคับข้องใจกับฝ่ายรัฐบาลที่จัดการเด้งตัวเองออกจากเก้าอี้เลขาธิการศอ.บต.ที่เป็นระดับ 11 และเป็นคนที่คุมภาพรวมการแก้ปัญหาภาคใต้โดยเฉพาะงบประมาณแต่ละปีที่มีการจัดสรรมาให้เพื่อการนี้ปีละเป็นหมื่นล้านบาท เพื่อไปนั่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาลที่ไม่มีงานอะไรให้ทำ

ก็ขนาดที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองหลายต่อหลายคนอย่างพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร-พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี-สุชน ชาลีเครือ วันๆ ยังไม่มีงานให้ทำ แล้วนับประสาอะไรกับ ภาณุ อุทัยรัตน์ คิดหรือว่าจะมีงานทำ

ภาณุเข้ามานั่งตำแหน่งเลขาธิการศอ.บต.ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากย้ายจากผวจ.นครศรีธรรมราชมาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย คุมศอ.บต.ได้ไม่นานต่อมาเมื่อรัฐบาลประชาธิปัตย์โดยนายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.มหาดไทย ทำการแก้ไขปรับปรุงพรบ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลบังคับใช้ 30 ธ.ค. 2553

กฎหมายดังกล่าวมีการปรับโครงสร้างศอ.บต.ให้เลขาธิการศอ.บต.เป็นระดับ 11 ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ภาณุก็เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการศอ.บต.อย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ก่อนหน้าจะถูกย้ายครั้งนี้ ข่าวการเปลี่ยนตัวเลขาธิการศอ.บต.เกิดขึ้นมาประมาณเกือบสองเดือนแล้ว บ้างก็ว่าที่รัฐบาลย้ายนอกจากเพื่อเอาตำแหน่งให้ทวีแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฝ่ายเพื่อไทยมองว่า ภาณุ เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยสายประชาธิปัตย์ แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทำให้เพื่อไทยอาจไม่ค่อยไว้ใจมากเท่าใด

หลังมีข่าวจะถูกเด้งตั้งแต่วันแรก ตัว ภาณุ ก็ให้สัมภาษณ์เลยว่าถ้าถูกเด้งจริง ก็ไม่มีปัญหา รับได้ เพราะเป็นข้าราชการก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งและนโยบายของรัฐบาล และการันตีตัวเองว่าเป็นเลขาธิการศอ.บต.เกือบสามปี มีผลงานหลายเรื่องที่เป็นรูปธรรมในการดับไฟใต้ ซึ่งหากรัฐบาลให้โอกาสอีกสักระยะเชื่อว่าสิ่งที่ทำไว้ในการแก้ปัญหาภาคใต้จะเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรมมากขึ้นในช่วงกลางปีหน้า

อย่างไรก็ตาม หลังมีข่าวการย้าย ภาณุ รอบแรก ข่าวก็เงียบหายไป จนอาจทำให้ภาณุคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว รัฐบาลอาจรอดูผลงานถึงเดือนเมษายนปีหน้า ในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายกลางปีแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ แต่แล้วในช่วงประเทศกำลังวิกฤตจากอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ที่ทุกคนต่างไม่สนใจเรื่องอะไรนอกจากน้ำท่วม

รัฐบาลก็จัดการเด้ง ภาณุ แบบม้วนเดียวจบ ชนิดเจ้าตัวไม่หือ ยอมรับแต่โดยดี

ผู้คนพูดกันไปว่า การที่ ภาณุ ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนใดๆกับการถูกเด้งครั้งนี้ ก็เพราะตัวภาณุ อายุยังแค่ 55 ปี ยังเหลืออายุราชการอีกถึงปี 2559 อีก 5 ปีกว่าจะเกษียณ

ภาณุ จึงอาจคิดว่า ก็สู้อยู่ไปก่อน วันหนึ่งข้างหน้าการเมืองอาจเปลี่ยนขั้วได้ หรือหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอยู่ยาว วันหนึ่งไม่แน่ รัฐบาลอาจให้โอกาสเรียกใช้งาน มอบตำแหน่งที่ดีกว่าที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้ทำ ของแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ ถ้าทำตัวดีๆ

แต่ไม่รู้ว่า ภาณุ จะมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า เท่านั้นเอง
นายภาณุ อุทัยรัตน์
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น