ศปภ.ปัดส่งกระสอบกระดาษแกล้ง กทม.-เล็งใช้แสนล้านเบี่ยงมวลน้ำภาคเหนือหนี 5 นิคมฯ

ศปภ.ปัดส่งกระสอบทรายกระดาษ วางยา กทม.ยันผลิตจากวัสดุเหนียวทนทาน น้ำไม่ซึมเข้า แม้ภายนอกเป็นกระดาษ “วิม” อ้าง ซ่อมประตูระบายน้ำคลอง 3-4 เสร็จใน 2 วัน โวยมีข่าวลือน้ำท่วมชุมชนคลองรังสิต ด้าน “สันติ” เผย รัฐบาลมีโครงการแสนล้านจัดการมวลน้ำภาคเหนือ ไม่ให้กระทบนิคมฯ 5 แห่ง ที่จะยังอยู่ที่เดิม


เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 18 ต.ค.ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงว่า ศปภ.ยืนยันว่า ถุงกระสอบทรายที่ได้รับการบริจาคจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเพื่อนำไปมอบให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น เป็นถุงที่มีความคงทน และมีมาตรฐานเดียวกับถุงกระสอบทรายปกติ แม้ว่าจะผลิตมาจากวัสดุโพลีเอสเตอร์ ภายนอกเป็นกระดาษ แต่ภายในมีความเหนียวทนทาน น้ำซึมเข้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ศปภ.ได้จัดส่งกระสอบทรายตามคำขอของ กทม.จำนวน 5 แสนถุง และได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วจำนวน 2.5 แสนถุง และยืนยันว่า ทาง ศปภ.จะจัดส่งกระสอบทรายให้ครบตามคำขอของ กทม.

ด้าน นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษก ศปภ.กล่าวว่า ขณะนี้บริเวณคลอง 3 คลอง 4 และคลองระพีพัฒน์ มีประตูระบายน้ำชำรุดเป็นแนวประมาณ 30 เมตร ซึ่งทั้ง 2 จุดห่างกันประมาณ 2-3 กิโลเมตร โดย ศปภ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารและอุปกรณ์เข้าไปซ่อมแซมแล้ว คาดว่า จะแล้วเสร็จทั้ง 2 จุด ภายใน 2 วัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา เป็นเพียงข่าวลือที่ปล่อยว่าจะมีน้ำท่วมในบริเวณชุมชนดังกล่าว เพราะรัฐบาลสามารถบริหารจัดการบริเวณทุ่งรังสิต ไม่ให้เกิดน้ำท่วมได้ ขณะที่แนวทางในการระบายน้ำสู่ทางฝั่งตะวันออก ศปภ.จะเร่งระบายน้ำจากคลอง 8 คลอง 9 คลอง 10 ไปลงคลอง 17 และไหลลงคลองพระองค์ไชยานุชิต ออกประตูระบายน้ำคลองด่าน เพื่อที่จะไหลสู่อ่าวไทย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเครื่องสูบน้ำจำนวนมาก ซึ่งสามารถระบายออกได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการระบายน้ำออกทางทิศตะวันตกนั้น จะเร่งระบายน้ำที่ล้นเอ่อเหนือนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ออกคลองเชียงรากน้อย เชียงรากใหญ่ และคลองสาระพัน เพื่อให้ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ทางรัฐบาลเตรียมที่จะมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่หลายแสนล้านบาท เพื่อบริหารจัดการมวลน้ำทางภาคเหนือที่ไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างทั้งฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก จนส่งผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วมในปัจจุบัน และยืนยันว่า ในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่จะมาบริหารจัดการน้ำ เบื้องต้นนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่ง ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ยังคงจะอยู่ที่ตั้งเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะหาแนวทางด้วยการระดมความรู้ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำมาแก้ปัญหาในการระบายมวลน้ำออกสู่ทะเล