โฆษก ศปภ.ยันนิคมอุตสากรรม “นวนคร” ปลอดภัย พร้อมส่งกำหลังทหาร 500 นาย หลังเสริมแนวคันกั้นน้ำสูง 5 เมตร แต่ต้องไม่มีฝนตกซ้ำ ด้านผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ตรวจดูแนวคันกั้นน้ำ และประตูระบายน้ำที่อยู่รอบเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
วันนี้ (14 ต.ค.) พ.อ.พลางกรู กล้าหาญ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรม นวนคร จ.ปทุมธานี ว่าขณะนี้ทางกองทัพบกได้ส่งกำลังทหาร ร.11 รอ.500 นาย รถแบ็กโฮ 4 คัน เพื่อไปสร้างคันกั้นน้ำสูง 5 เมตร เพื่อป้องกันการทะลักของน้ำความยาวหลายกิโลเมตร และยืนยันว่าสามารถรับมือได้ แต่ต้องไม่มีสถานการณ์ฝนตกซ้ำ โดยแนวคันกั้นน้ำที่กั้นบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนวนครไว้ มี 2 ชั้นที่จะสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมนวนครยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ตรวจดูแนวคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำ ที่อยู่รอบเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเริ่มลงพื้นที่เขตสายไหมเป็นจุดแรก ซึ่งจุดนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ ที่เปิดการระบายน้ำ 40 ซม.เพื่อช่วยระบายน้ำในจังหวัดปทุมธานีลงคลองแสนแสบ ทั้งนี้ในเขตสายไหมมีประตูระบายน้ำอีก 2แห่ง คือ ประตูระบายน้ำคลอง 2 และประตูระบายน้ำคลองหม้อแตก ซึ่งสถานการณ์น้ำในประตูทั้ง 3 ยังคงปกติควบคุมได้
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครระบุว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาวัดได้ 2.13 เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง แต่ยังคงมีความกังวลต่อชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำเพราะช่วงวันที่ 16-18 ตุลาคมนี้ น้ำทะเลจะหนุนสูง เกรงว่าชุมชนนอกแนวกั้นน้ำจะไม่ปลอดภัย ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฝั่งตะวันออกยังคงปกติสามารถควบคุมได้ จึงไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งหากมีการอพยพจริง กทม.จะเป็นคนแจ้งเองโดยจะมีการแจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำทุก 3 ชั่วโมงผ่านทางเว็บไซต์ของ กทม.และประชุมเจ้าหน้าที่ทุก 6 ชั่วโมงอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังยอมรับว่ายังเป็นกังวลสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก เพราะกลัวน้ำจะฝั่งนครปฐมจะตีกลับเข้ามาแต่ในวันนี้ยังคงรับมือได้แต่ในวันต่อไปต้องมีการประเมินสถานการณ์กันแบบวันต่อวัน
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังไปตรวจดูประตูระบายน้ำคลองสามวาตลอดแนวคันกั้นน้ำตามพระราชดำริไปยังประตูระบายน้ำสมุทรปราการ ซึ่งสถานการณ์ยังคงปกติปริมาณน้ำยังไม่ล้นประตูระบายน้ำ และยังคงสามารถควบคุมได้
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เดินทางมายังเทศบาลตำบลหลัก 6 อำเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อร่วมประชุมหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการ จ.ปทุมธานี บริเวณคลองรังสิตประยูรศักดิ์
โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์น้ำในคลองรังสิตต่อนายกรัฐมนตรีว่าได้เดินทางมาหลายครั้งและสั่งการให้เสริมแนวคันกั้นน้ำตามลำดับซึ่งวันนี้ได้มีการหารือให้เพิ่มแนวกระสอบทรายเพิ่ม 30 ซม. คาดว่าน่าจะสามารถควบคุมได้ อีกทั้งแนวคันกั้นน้ำในเมืองเอกมีแนวคันกั้นน้ำถึง 2 ชั้น ซึ่งยังพอมีเวลาให้ซ่อมในส่วนแนวคันกระสอบทรายริมคลองให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงพื้นที่ตรวจแนวคันกั้นน้ำตลอดริมคลองร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแนวทางในการรับมือกับปริมาณน้ำ และประเมินสถานการณ์ต่อไป