“ชูวิทย์” เผยชาวบ้านเจอเคราะห์ซ้ำ ถูกเอาเปรียบสารพัดจากพ่อค้าหน้าเลือด น้ำเปล่า-มาม่าราคาพุ่งเป็น 30 บาท ทรายกระสอบละ 100 บาท แถมสินค้าขาดแคลนถึงขั้นชกต่อยแย่งกันซื้อ ขณะเหลือบอาละวาดเวียนเทียนรับถุงยังชีพแยกขายชาวบ้านอีกต่อ จี้รัฐเอาจริง อย่าทำเหมือนสั่งน้ำมูก
วันที่ 12 ต.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวว่า ตนได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่าความเป็นอยู่ของชาวบ้านลำบากมาก โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่รอบนอกจากเขตชุมชนหรือเขตเมืองที่ต้องถูกตัดน้ำตัดไฟ ยังต้องขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 หรือหลังคา เพราะห่วงบ้านเนื่องจากยังมีขโมยชุกชุมที่เข้าไปซ้ำเติม โดยเฉพาะกลางคืนไม่มีไฟฟ้าเสี่ยงต่อการถูกสัตว์เลื้อยคลานมีพิษกัด ขณะที่อาหารเครื่องอุปโภคบริโภคก็ขาดแคลน น้ำดื่มจากเดิมขวดละ 7 บาท มีการนำไปขายสูงถึงขวดละ 30 บาท มาม่า ซองละ 5 บาท ขึ้นไป 30 บาท หรืออิฐบล็อก จากราคาเดิมก้อนละ 3-4 บาท พุ่งไปก้อนละ 10-12 บาท อิฐมวลเบาเดิมราคาก้อนละ 18-19 บาท พุ่งไป 22-25 บาท ทรายบรรจุถุงจากเดิมขายไปเกินถุงละ 30-40 บาท วันนี้ไปหาซื้อแทบไม่มี หรือมีก็ถูกโขกไปถึงถุงละ 80-100 บาท
นายชูวิทย์กล่าวว่า นอกจากนี้ถุงยังชีพที่ควรนำมาบริจาคก็กระจุกตัวแจกกันเฉพาะเขตชุมชน และมีการเวียนเทียนมารับของ จากนั้นก็นำไปแยกถุงใส่เรือไปขายในพื้นที่รอบนอก เพราะคนที่เอามาบริจาคก็บริจาคเฉพาะเขตชุมชน แต่ไม่มีเรือเพื่อนำของไปบริจาคในพื้นที่รอบนอก ถือเป็นการซ้ำเติมทุกข์อย่างมาก มิหนำซ้ำค่าเช่าเรือเพื่อให้ขนของหนีน้ำ หรือไปรับญาติพี่น้องคนป่วยที่ติดอยู่ของชาวบ้านด้วยกันเองก็ขูดเลือดขูดเนื้อเรียกราคาสูงถึงเที่ยวละ 500 บาทขึ้นไป
นายชูวิทย์กล่าวว่า ปัญหาการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคขณะนี้ขยายมาถึงกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลแล้ว ซึ่งตนประสบด้วยตนเอง โดยไปหาซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดที่บิ๊กซีรามคำแหง พบชาวบ้านแย่งกันซื้อน้ำจนถึงขั้นทะเลาะชกต่อยกันบนชั้นน้ำดื่มไม่มีขาย มาม่า อาหารแห้ง ปลากระป๋องไม่มีขาย ขณะที่ราคาผลไม้ในกรุงเทพฯ ก็เพิ่มขึ้นทั้งหมดอย่างละ 10-20 บาท อยากถามว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาอย่างนี้แค่การสั่งการเหมือนสั่งน้ำมูก แต่ฝ่ายปฏิบัติกลับไม่มาตรวจสอบมันก็ไม่มีผล เวลานี้ชาวบ้านต่างด่าถึงกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน ว่าไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาจัดการปัญหา
“ทำไมทางการไม่ลงมาดูแลปัญหาทุกข์สุขชาวบ้าน กลับเปิดช่องให้พ่อค้าหน้าเลือดขูดรีดซ้ำเติมเพิ่มความทุกข์ให้ชาวบ้านทั้งที่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีงานทำและต้องเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น เสมือนผีถึงหลุมจะถูกโขกสับอย่างไรก็ต้องยอม ขอแนะให้รัฐบาลควรให้เครือข่ายระบบราชการ และการปกครองท้องถิ่นในการแจกจ่ายถุงยังชีพให้ชาวบ้านได้ทั่วถึง โดยเฉพาะที่อยู่รอบนอก อย่าสักแต่สั่งแต่ไม่ติตตามผลว่าสั่งแล้วระดับปฏิบัตินำไปทำจริงหรือไม่ จึงขอเตือนหากไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะเครื่องอุปโภคบริโภคที่ต้องเข้าถึงชาวบ้านรอบนอกให้มากกว่านี้ ที่สุดแล้วอาจเกิดปัญหาจลาจล การฉกชิง ปล้นจี้ร้านค้า เพราะชาวบ้านไม่มีเงินแต่ท้องหิวที่สุดจะเป็นปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาพ่อค้าโก่งราคาเอาเปรียบชาวบ้านต้องจัดการให้เห็นเป็นตัวอย่าง” นายชูวิทย์กล่าว