คณะกรรมการกลางอิสลามฯ แจงปลดอิหม่ามมัสยิดต้นสน เหตุมีพฤติกรรมส่อไปในทางไม่เหมาะสม ใช้เงินมัสยิดโดยพลการ เตือนการเมืองอย่ารีบตะครุบเป็นเหยื่อล้ำเส้นองค์กรทางศาสนาจนวุ่นวาย
วันนี้ (6 ต.ค.) พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งได้ไปร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวหาว่าคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เกี่ยวกับการถอดถอนนายพัฒนา หลังปูเต๊ะ ออกจากอิหม่ามมัสยิดต้นสน เขตบางกอกใหญ่ กทม.ว่า เป็นการใส่ความกันโดยชัดเจน และดูเหมือนว่าเรื่องนี้มีการเมืองแอบแฝงอยู่เบื้องหลังโดยหวังดิสเครดิตองค์กร
ด้าน นายอาหะหมัด ขามเทศทอง เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่นายมนูญพันธ์ รัตนเจริญ ในฐานะสัปปุรุษประจำมัสยิดต้นสน ได้ร้องเรียนให้มีการถอดถอนอิหม่ามประจำมัสยิดต้นสน โดยอ้างว่ามีความประพฤติในทางที่จะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและประโยชน์ของมัสยิด เพราะตลอดเวลาหลายปี นายพัฒนาได้ทำหน้าที่บริหารมัสยิดเพียงคนเดียว เพราะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดว่างลงทุกตำแหน่ง และนายพัฒนาไม่สนใจที่จะคัดเลือกบุคคลอื่นเข้าทำหน้าที่ตามตำแหน่งที่ว่าง แต่กลับดำเนินกิจการมัสยิดต้นสนเพียงลำพังโดยพลการ ใช้เงินของมัสยิดต่างกรรมต่างวาระเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านบาท
นายอาหะหมัดกล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการอิสลามเชิญตัวไปให้ชี้แจงข้อเท็จจริง นายพัฒนาพยายามบ่ายเบี่ยง และมีพฤติกรรมปกปิดความผิดของตัวเอง ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ทำการถอดถอนนายพัฒนาออกมาจากตำแหน่งในข้อหาบกพร่องต่อหน้าที่
นายสมัย เจริญช่าง รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนขอเตือนนักการเมืองในรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า การทำงานโดยใช้อำนาจรัฐกับองค์กรการบริหารกิจการศาสนาอิสลาม เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะองค์กรบริหารกิจการศาสนาอิสลาม มีการบริหารโดยยึดกรอบของศาสนา และกฎหมายของบ้านเมือง
“กรณีการถอนถอนนายพัฒนาออกจากอิหม่ามประจำมัสยิดต้นสน เป็นเรื่องที่เขาพิจารณากันแล้วเห็นว่ามีความผิดจริงในฐานะที่บกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องการเมืองอะไรทั้งสิ้น ส่วนคนที่เสียประโยชน์ เขาจะร้องเรียนอะไร ก็เป็นเรื่องธรรมา ไม่มีใครหรอกที่จะยอมรับว่าตัวเองผิด แต่นักการเมืองอย่ารีบร้อนตะครุบเอากรณีนี้เป็นเหยื่อจนทำให้ล้ำเส้นองค์กรทางศาสนาที่เขาทำงานตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างรอบคอบแล้ว” นายสมัยกล่าว