“ส.ศิวรักษ์” วิจารณ์สื่อกระแสหลักบางฉบับรับใช้อำนาจนิยม นักการเมือง เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉาน มองไพร่ตาแดงๆ จำนวนมากยังรู้ไม่เท่าทัน “ทักษิณ” แนะหากทุกสีเสื้อหันหน้าหากัน ปลุกกันและกันจะตื่นจากอำนาจต่างๆได้
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ “ส. ศิวรักษ์” นักวิชาการอิสระ กล่าวในงานกัลยาณมิตรให้กำลังใจ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานอนุกรรมการสอบอีเมลฉาวสินบนสื่อ ตอนหนึ่งเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า สื่อมวลชนกระแสหลักที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับ นพ.วิชัย หากใช้คำพูดของนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียกว่าเป็นสื่อมวลสั...ว์
“หากเป็นเพียง ส...ว์เดรัจฉาน ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ส...ว์ที่ใช้สื่อรับใช้อำนาจนิยม และนักการเมืองเลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉาน” นายสุลักษณ์กล่าว
นายสุลักษณ์กล่าวว่า ปัจจุบันราษฎรตาดำๆ รู้ทันสื่อมวลชนกระแสหลักแล้ว แต่พวกไพร่ตาแดงๆ จำนวนมากยังไม่รู้เท่าทัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม หากคนตาดำ ตาแดง รวมถึงตาเหลือง หันหน้าเข้าหากันและปลุกกันและกัน ก็จะตื่นขึ้นจากอำนาจต่างๆ ได้
ด้าน นพ.วิชัย กล่าวว่า ครั้งแรกที่คณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์ติดต่อมาให้ช่วยสอบอีเมลฉาว ได้ตอบปฏิเสธไปเนื่องจากเห็นว่าถูกฟ้องร่วม 10 คดีแล้ว แต่เมื่อกรรมการฯ ยืนยันว่าหากไม่เข้าร่วมทีมสอบก็คงไม่มีใครช่วย จึงตัดสินใจร่วมในท้ายที่สุด
“ตอนนั้นยังไม่มีการกำหนดว่าใครเป็นประธาน ผมก็คิดว่าเป็นคนนอกคงไม่เกี่ยว แต่กรรมการคนอื่นๆ กลับบอกว่าคนนอกที่มีประสบการณ์สอบทุจริตเหมาะสมกับตำแหน่งประธานมากที่สุด” นพ.วิชัยกล่าว
นพ.วิชัยกล่าวอีกว่า ใช้เวลาสอบอีเมลฉาวประมาณ 30 วัน ซึ่งเกินกว่ากำหนด 15 วัน เมื่อแล้วเสร็จที่ประชุมจึงเห็นควรให้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที โดยมีการมอบผลการสอบทั้ง 19 แผ่นให้กับผู้สื่อข่าวเพื่อความโปร่งใส อย่างไรก็ตามเมื่อเสร็จสิ้นการแถลงกลับถูกมองว่าผลสอบเป็นของนพ.วิชัยเพียงคนเดียว สภาการฯ ก็ไม่รับผลสอบฉบับนี้
“ผมรู้สึกเสียใจมากว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แต่หากถามว่าเข็ดและท้อหรือไม่ ยืนยันว่าชินแล้ว และแก่แล้วจึงท้อไม่ได้” นพ.วิชัยกล่าว