โฆษก ปชป.เฉ่งรัฐบาลดำเนินนโยบายแบบลูบหน้าปะจมูก สั่งลดราคาน้ำมัน แต่ต้องกู้เงินหมื่นล้านโปะกองทุน ทำประชาชนเป็นหนี้โดยที่ไม่ได้ประโยชน์ เพราะราคาสินค้าไม่ลด ขณะที่บริษัทน้ำมันยังขึ้นราคารับส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเองเพียบ ท้าเริ่มเก็บเงินเข้ากองทุนเดือนหน้า ถ้ามั่นใจราคาน้ำมันโลกลด จี้ “ปู” ลงพื้นที่บางระกำโมเดล ตรวจสอบค่าหัวคิวช่วยน้ำท่วม ห่วงภาวะผู้นำที่ให้ข่าวผิดจนถูกตั้งฉายา “นายกฯ บาร์บี้” เตือนรัฐบาลตั้งผู้ต้องหาก่อการร้ายเป็นประธาน กมธ.ความมั่นคงของรัฐ จะทำรัฐบาลอายุสั้นกว่ากำหนด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมกู้เงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อพยุงกองทุนน้ำมัน เป็นการยืนยันว่านโยบายรัฐบาลดำเนินการแบบลูบหน้าปะจมูกแก้ปัญหารายวันแบบลิงแก้แห ซึ่งการลดเงินกองทุนน้ำมันตั้งแต่ปลายสิงหาคมที่ผ่านมา เช่น ดีเซล 3 บาท ทำให้กองทุนเป็นหนี้สามพันสามร้อยล้านบาทต่อเดือน หากดำเนินการถึงปลายปีจะติดลบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เท่ากับที่รัฐบาลเตรียมการกู้เงินเอาไว้
ทั้งนี้ การกู้เงินจะทำให้ ประชาชนเป็นหนี้ ในขณะที่การงดเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชั่วคราวที่ทำมาตลอด 1 เดือน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่บริษัทน้ำมันแอบขึ้นราคาได้เงินส่วนต่างกลับไป ประชาชนกลายเป็นผู้เสียประโยชน์ เพราะราคาสินค้าไม่ปรับลดลง ขณะที่ประชาชนทั้งประเทศต้องเป็นหนี้ร่วมกันจากนโยบายของรัฐบาล จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเริ่มเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปไม่ต้องรอปลายปี เพราะหาก รมว.พลังงานมั่นใจว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลงจริงก็ควรดำเนินการทันทีก็จะทำให้ไม่ต้องกู้เงิน ไม่ใช่รอไปถึงปลายปีแล้วแก้ปัญหาด้วยการสร้างหนี้ให้ประชาชนอีกหมื่นล้านบาท รัฐบาลควรหยุดสร้างความเสียหายกบประเทศ และไม่ควรให้ประชาชนต้องเจ็บช้ำมากไปกว่านี้
นายชวนนท์ยังเรียกร้องให้ น.ส.สงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและการกักค่าหัวคิวชาวบ้าน เนื่องจากเป็นผู้กำหนดบางระกำโมเดล แต่กลับไม่มีการดูแลความเดือดร้อนของประชาขน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจและเป็นการทำบาปสูงสุดต่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสอยู่แล้ว การที่นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้รัฐมนตรีไปค้างคืนไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาหรือช่วยให้น้ำลด แต่นายกรัฐมนตรีควรใส่ใจต่อการแก้ปัญหาแทนการใช้วาทกรรมที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ประชาชนอย่างแท้จริง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังวิตกถถึงภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีที่ให้ข่าวผิดพลาดโดยเฉพาะกรณีเรือดำน้ำว่ามีการอนุมัติจาก ครม.แล้ว ทั้งๆ ที่เรื่องดังก่าวไม่มีในวาระการประชุมของ ครม. ขณะที่โฆษกรัฐบาลออกมาแก้ต่างว่าเป็นเรือดันน้ำ ซึ่งก็ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เช่นเดียวกัน จึงไม่รู้ว่าทังคู่หลับฝันไปโดยไม่ใส่ใจการประชุม ครม.หรือไม่
“เรื่องนี้บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน เรียกนายกฯ ว่า “นายกฯ บาร์บี้” หรือ “นายกฯ หนูไม่รู้” แต่บ้านเมืองคงรับไม่ได้ที่จะมีนายกรัฐมนตีไร้วุฒิภาวะเช่นนี้ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้บริหารบริษัทของครอบครัว แต่บริหารราชการแผ่นดิน จึงควรใส่ใจวาระการประชุม ครม.มากกว่านี้”
นายชวนนท์ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีใบสั่งจากต่างประเทศเกี่ยวกับโครงการเรือดำน้ำ ว่าต้องป่วน ครม.มาถึงนายกรัฐมนตรี จึงทำให้โพล่งออกมาว่าโครงการดังกล่าวผ่าน ครม.แล้ว ทั้งที่ไม่มีในวาระการประชุม จึงน่าเป็นห่วงว่าในอนาคตนายกฯ อาจได้รับใบสั่งเกี่ยวกับบ่อนกาสิโน ก็อาจออกมาหลุดคำพูดหลังการประชุม ครม.ว่ากาสิโนผ่านการพิจารณาของ ครม.แล้ว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลแต่งตั้งนายการุณ โหสกุล ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ โดยเกรงว่าจะมีการใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือช่วยเหลือพวกพ้อง กดดันเจ้าหน้าที่ในการทำคดีเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด เพราะกรรมาธิการฯ มีอำนาจเรียกข้าราชการมาให้ข้อมูล โดยมีโทษตามกฎหมายหากข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้น บุคคลที่จะทำหนาที่ประธานต้องมีความเป็นกลาง เพื่อให้ข้าราชการเกิดความสบายใจว่าจะไม่ถูกกดดัน แต่รัฐบาลกลับตั้งคนที่เป็นคู่กรณีกับเจ้าหน้าที่รัฐมาดูแลกรรมาธิการด้านความมั่นคง ถือเป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ หากไม่ทบทวนรัฐบาลอาจมีอายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็น