เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เข้าใจว่าคงจะโดนสังคมรุมเฉ่งเข้าไปจนนั่งไม่ติด เหมือนกับถูกขว้างด้วยก้อนอิฐเข้ามารอบทิศทำให้ อัยการสูงสุด จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ต้องส่งคนออกมาชี้แจงเป็นพัลวันว่า การไม่ฎีกาคดี พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ (ดามาพงศ์) เลี่ยงภาษีบริษัทชินคอร์ปจำนวน 546 ล้านบาท ถูกวิจารณ์ว่าทำตัวไม่ต่างจากศาลฎีกาวินิจฉัยแทนเสร็จสรรพ แทนที่จะทำหน้าที่เป็น “ทนายแผ่นดิน” รักษาประโยชน์ของรัฐ แต่นี่กลับกลายเหมือนกับว่า ไปคิดแทนคนอื่น เข้าอกเข้าใจฝ่ายจำเลยเป็น “กรณีพิเศษ” เสียอีก เจอเข้าแบบนี้มันก็สมควรแล้ว
00 การให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกอัยการ ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ออกมาชี้แจงอ้างว่าอัยการสูงสุดมีอำนาจในการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย และได้รับการคุ้มครอง ยิ่งพูดยิ่ง “ชวนให้โมโห” มากขึ้นไปอีก ก็ไม่มีใครถียงอยู่แล้วว่ามีอำนาจ แต่ทำไม่ใช้อำนาจให้มันเหมาะสมกว่านี้ ทำไมไม่สั่งฎีกาเพื่อให้เป็น “บรรทัดฐาน” เพราะที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นบอกว่า “เมียแม้ว” กับพี่บุญธรรม คือ บรรพจน์ ดามาพงษ์ และเลขานุการส่วนตัวผิดกันยกแก๊ง แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ไข ดังนั้นก็ยิ่งสมควรให้ศาลฎีกาชี้ขาด ทำเป็น “พ่อรู้ดี” อย่างนี้มันทำให้ชาวบ้านเขายิ่งสงสัยว่าอัยการ “มีนอกมีในหรือเปล่า”
00 ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาสำนักงานอัยการได้สร้าง “ความระแวง” ให้กับสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาถูกมองว่าไม่ได้ทำหน้าที่เป็น “ทนายแผ่นดิน” อย่างเท่าที่ควรจะเป็น และต่อไปนี้ไม่ต้องมาพูดแล้วว่าเป็น “องค์กรอิสระ” เพราะไร้ความเชื่อถือลงทุกวันแล้ว เพราะนับวันจะถูกตั้งคำถามว่า “มีอัยการไว้ทำไม” ดังขึ้นเรื่อยๆ !!
00 เสียงวิจารณ์นโยบายผุดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดังขรม เหมือนกับว่าเป็น “นโยบายสิ้นคิด” และถ้าเป็นไอเดียผลักดันโดย ทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางคนสนิทที่ส่งไปแทรกเป็นกรรมการบอร์ดกองสลากฯ เอาไว้ล่วงหน้าคือ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะไม่ว่าจะเรียกให้สวยหรูอย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่กาสิโนครบวงจร หรือ “บ่อนไฮโซ” นั่นแหละ หากเกิดขึ้นจริงมันก็เป็นฝันร้ายของคนไทยแน่นอน แม้ว่าจะอนุญาตให้บรรดาเศรษฐี นักท่องเที่ยวเข้ามา เน้นในเรื่องรายได้ มากกว่าศีลธรรม ทั้งที่ประเทศไทยมีทรัพยากรและศักยภาพทางการท่องเที่ยวอย่างอื่นมากมายเป็นจุดขาย หารายได้อย่างยั่งยืน และเมื่อหันไปมองเพื่อบ้านอย่างสิงคโปร์ที่ทำบ่อนแบบนี้มาก่อนก็กำลังมีเสียงเรียกร้องให้ทบทวนให้ยกเลิกอยู่ไม่น้อย เพราะได้ไม่คุ้มเสีย !!
00 ต้องยอมรับว่าคนพวกนี้ทำมาหากินได้เก่งกาจจริงๆ เพราะจากเดิมที่เคยเห็นกันมาไม่นาน เคยเห็นนั่ง “ซดมาม่า” ใส่ผักบุ้งทอดยอดอยู่แถวซุ้มใน ม.รามฯ ช่วงทำกิจกรรมนักศึกษา แต่ผ่านมาหลัดๆ กลับร่ำรวยผิดตา แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากได้เห็นบัญชีที่ป.ป.ช.ว่าคนอย่าง “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ จะมีทรัพย์สินรวมกันกว่า 8.2 ล้านบาท ขณะที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวยตั้ง 15 ล้านบาท ส่วนคนอื่นๆ ที่ขึ้นเวทีเสื้อแดงก็รวยไม่แตกต่างกัน เป็นไงละพี่น้อง เป็น “หัวโจกไพร่” นี่มันดียังงี้นี่เอง !!
00 ผ่านมาสองสามวัน ลืมแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. ที่ ครม.รับทราบให้ควบตำแหน่ง เลขาฯปปส. อีก 1 ปี ก็หวังว่าทำงานให้ “คุ้มค่า” ก็แล้วกัน เพราะตำแหน่งที่ได้มาดังกล่าวไปตัดโอกาสของรองเลขาฯปปส. คนอื่นที่รอจะได้ก้าวหน้าในตำแหน่งสูงสุดในองค์กร เมื่อขึ้นมาแบบนี้มันก็ต้องทุ่มเทให้เห็นผลงานกันหน่อย !!