xs
xsm
sm
md
lg

ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ว่า “ดี” นั้น “ดี” ตรงไหน??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทยคนแรก เมื่อ พ.ศ.2541 เมื่อ พรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลใน พ.ศ.2544 ร.ต.อ.ปุระชัยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 โยกย้ายมาเป็นรัฐมนตรีว่ากากรระทรวงยุติธรรม จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีต่อมา โดนเด้งไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว และเมื่อรัฐบาลหมดวาระ ในปี พ.ศ.2548 ก็ตัดสินใจวางมือจากการเมือง ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะความขัดแย้งไม่ลงรอย กับนักการเมืองคนอื่นๆ ในพรรคไทยรักไทย และผิดหวังที่พรรคไม่ส่งลงสมัครผู้ว่า กทม.

สี่ปีของชีวิตนักการเมือง ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นที่จดจำของสังคมว่าเป็นคนดี ตรงไปตรงมา ไม่ก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง จากนโยบาย การจัดระเบียบสถานบันเทิง สมัยที่เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย จนได้ฉายาว่า “มือปราบสายเดี่ยว”

ภาพคนดีไม่มีเสื่อม ตรงเป็นไม้บรรทัด เป็นจุดขายหลักของ ร.ต.อ.ปุระชัย ตลอดมา จนกระทั่งถึงวันนี้ คนดีอยากจะเล่นการเมือง ปีนนั่งร้านเก่าๆ ชื่อพรรคธรรมาธิปัตย์ที่เอามาทาสีใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคประชาสันติ ก็อาศัยภาพเก่าๆ นี้แหละเป็นจุดขาย เสนอตัวเป็น “ตาอยู่” ให้คนไทยเลือก

แต่ถ้าถามว่า ร.ต.อ.ปุระชัย มีผลงานที่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้อะไรบ้าง ที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเป็นคนดี ก็ยังนึกไม่ออก นอกจากการให้สัมภาษณ์ และการยกยอตามความเชื่อของสื่อว่า ร.ต.อ.ปุระชัย ป็นคนดี เป็นคนตรง

ในยุคที่บ้านเมืองผจญกับวิกฤต เกิดการปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง เพื่อทวงอำนาจและสมบัติคืนให้ นช.ทักษิณ ร.ต.อ.ปุระชัย ไม่เคยแสดงจุดยืนว่าตัวเองคิดอย่างไร หรือมีความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นอย่างไร เพราะปลีกตัวไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ

ยกเว้นแต่เมื่อเพื่อนรักอย่าง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูล ความผิดในกรณีสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนต้องลาออกจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัย ใช้ภาพของความเป็นคนดี เอาคืนให้เพื่อนด้วยการอาละวาดในที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขัดขวางการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูง เมื่อไม่เป็นผลก็ใช้วิธีวอล์คเอาต์ออกจากที่ประชุม

หรือเมื่อเพื่อนรักอีกคนหนึ่ง คือ พล.ต.ท.บุญถึง ผลพาณิชย์ หมิ่นเหม่ต่อข้อหาตั้งโต๊ะขายตำแหน่งในการโยกย้ายนายตำรวจ ในยุคของ พล.ต.อ.พัชรวาท ร.ต.อ.ปุระชัยก็ใช้ความเป็นคนดีของตน และฐานะ กตร.ช่วยเพื่อนด้วยการกล่าวหาคณะอนุกรรมการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่งว่ามีที่มาที่ไม่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่ตั้งไปตั้งนานและทำงานไปจนเกือบจะเสร็จแล้ว

ในสมัยที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ถูกดึงตัวไปนั่งเป็นทีมงานหน้าห้องรัฐมนตรีเพื่อคอยกลั่นกรองงาน จัดคิวผู้ที่จะเข้าพบรัฐมนตรี มีเรื่องเล่าขานเป็นที่โจษจันกันสนุกปากไปทั้งกระทรวงในขณะนั้น

ความเป็นคนดีของ ร.ต.อ.ปุระชัย ยังเคยถูกใช้เป็นอาวุธในการทำสงครามคนดี กับคนดีอีกคนหนึ่ง คือ หมอประกิต วาทีสาธกกิจ เมื่อครั้งที่ ร.ต.อ.ปุระชัย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. โดยมีหมอประกิต เป็นรองประธาน สสส.คนที่ 2

หมอประกิต ถูก ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน อนุมัติเงิน สสส.ให้กับมูลนิธิ องค์กรที่ตัวเองนั่งเป็นประธานและกรรมการอยู่หลายแห่ง นอกจากนั้นยังมีข้อครหาว่าจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแพงกว่าที่ควรจะเป็น

ร.ต.อ.ปุระชัยตั้งคระกรรมการสอบสวนหมอประกิต โดยออกเป็นคำสั่งลับ และตั้งคนของตัวเองเป็นกรรมการสอบสวน ซึ่งสรุปว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา และเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 เมษายน 2547 ปลดหมอประกิตออกจากรองประธาน สสส. โดยเสนอเป็นวาระจร แต่ที่ประชุมไม่เห็นด้วย และตีเรื่องกลับไปให้ ร.ต.อ.ปุระชัย พิจารณาใหม่

บทความเรื่อง “เมื่อคนดีไม่มีเสื่อม จะเขมือบ สสส.” วารสารโรงพยาบาลชุมชนฉบับเดือยเมษายน-พฤษภาคม 2547 ได้เล่าที่มาที่ไปของสงครามคนดีครั้งนี้ไว้อย่างละเอียด มีการอ้างอิงข้อเท็จจริงประกอบอย่างครบถ้วน ไม่ได้พูดลอยๆ

นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้เขียนบทความนี้ ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า

นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2546 ถึง พฤษภาคม 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่รองนายกฯ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เข้ามาดูแล สสส.นั้น มีการจัดการส่งสัญญาณจากคนที่ใกล้ชิดประธานให้ ส.ส.เสนอโครงการจาก ส.ส.เข้ามาถึง 180 โครงการ โดยมีลักษณะเด่น คือ เป็นโครงการที่ลอกกันมา โดยเปลี่ยนเพียงชื่อสถานที่ วันเวลา เท่านั้น ส่วนเนื้อในนั้นเหมือนกันแทบทุกตัวอักษร ส่งผลให้โครงการเหล่านี้ผ่านการพิจารณาเพียง 8 โครงการครึ่งเท่านั้น

กรณีที่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงถึงความผิดปกติในการเสนอโครงการของ ส.ส. ได้แก่ หนังสือจากสภาผู้แทนราษฎร ที่ 169/2546 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2546 เรียน ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี (ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) ซึ่งลงนามโดย พลเรือโทโรช วิภัติภูมิประเทศ สส.ชลบุรี ที่ระบุว่า “อนุสนธิจากโครงการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่และป้องกันยาเสพติด ฯพณฯ ได้กรุณาให้งบประมาณกับผม 1,500,000 บาท เพื่อไปดำเนินโครงการนั้น กระผมได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และสมควรเริ่มที่นักเรียนก่อน จึงได้หารือกับโรงเรียนต่างๆ ในเขตรับผิดชอบของผม จำนวน 18 โรงเรียนเป็นโรงเรียนนำร่อง” ซึ่งเมื่อโครงการในลักษณะดังกล่าวไม่ผ่านการพิจารณา ก็เท่ากับเป็นการเสียหน้าของรองนายกฯ ที่ดูแล สสส.อย่างรุนแรง

ในวันที่ 6 ตุลาคม 2546 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้บริหารคนหนึ่งใน สสส.ได้ถูกเรียกเข้าพบรองนายกฯ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์, ส.ส.ประวัตร อุตะโมทย์ และ ส.ส.นพดล อินนา เลขานุการของรองนายกปุระชัย ซึ่งพูดคุยพร้อมยื่นโครงการ “หนังสือสีขาวเพื่อเยาวชน หรือวารสาร connect” โดยใช้ชื่อบริษัท ฐานการพิมพ์ จำกัด เป็นผู้เสนอโครงการขอรับทุน จำนวน 9.8 ล้านบาท เพื่อจัดพิมพ์วารสารเพื่อให้เยาวชนรักสุขภาพ และใช้ในการจัดกิจกรรมนักศึกษา

ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการพิจารณาโครงการของ สสส.ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธานได้จัดประชุมพิจารณาโครงการ มีความเห็นว่า วารสาร connect นั้นน่าจะเกิดประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายในระดับหนึ่ง จึงให้การสนับสนุนเป็นเงิน 4.8 ล้านบาท เพื่อผลิตวารสาร 24 ฉบับใน 1 ปี คือตลอดปี 2547 และจะมีการประเมินผลเมื่อวารสารออกได้ 2 เดือน ส่วนการจัดกิจกรรมนักศึกษาที่ขอมา 4 ล้านบาทนั้น ไม่อนุมัติเพราะไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะก่อประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อวารสารออกมาได้ 2 เดือน ก็มีการประเมินผลตามที่ตั้งเงื่อนไขไว้ ซึ่งพบว่า วารสารยังมีเนื้อหาที่เน้นบันเทิง สุขภาพแบบตามกระแส เช่น ผิวพรรณ รูปร่างภายนอก อีกทั้งมีกระแสข่าวในเชิงลบต่อวารสารว่า เป็นการใช้เงิน สสส. แอบแฝงหาเสียงเตรียมลงสมัครผู้ว่า กทม.หรือ สร้างภาพให้กับคนบางคน ซึ่งทางคณะกรรมการก็ได้แจ้งให้ผู้รับผิดชอบโครงการไปปรับปรุง และในเดือนกรกฎาคม 2547 จะประเมินอีกครั้งว่าจะพิจารณาสนับสนุนโครงการต่อหรือไม่

เป็นที่ทราบกันดีใน สสส.ว่า โครงการดังกล่าวคือโครงการของรองนายกฯ ปุระชัย ประธาน สสส. และเมื่อผ่านการพิจารณาเพียงครึ่งเดียว รวมทั้งมีการประเมินผลที่เข้มข้นก็ยิ่งทำให้ความร้อนระอุของความไม่สบอารมณ์ของฝ่ายการเมืองสูงขึ้นจนเกือบถึงจุดเดือด

และแล้ว ฟางเส้นท้ายๆ ที่เหลืออยู่จึงขาดสะบั้น

คนไทยกำลังถูกทำให้ท้อแท้ สิ้นหวัง และตั้งหน้าตั้งตารอคนดีมาโปรด โดยไม่เคยสงสัย ตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นคนดีจริงๆ แล้ว เข้ามาเล่นการเมืองทำไม และที่ว่าดีนั้น ดีจริงไหม หรือเป็นแค่การสร้างภาพเท่านั้น เนื้อในเป็นอย่างไร อาจไม่รู้

ในวาระที่คนดีรายล่าสุด กำลังจะก้าวเข้าสู่วังวนแห่งอำนาจ และผลประโยชน์ โดยอาศัยชื่อเสียงกิตติศัพท์ ความเป็นคนดีของคนเป็นบันได ประชาชนพึงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ว่ากันว่าเป็นคนดีนั้น ดีตรงไหน ดีอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น