ผ่าประเด็นร้อน
ต้องบอกว่าแนวความคิดที่จุดพลุมาจากผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล วันชัย สุระกุล ที่ความคิดกระฉูดหลังจากไปดูงานที่มาเก๊า เขตปกครองพิเศษของจีนแผ่นดินใหญ่ ว่ากลับมาจะเสนอแก้กฎหมายเป็นการใหญ่เพื่อให้กองสลากสามารถทำธุรกิจบ่อนการพนันหารายได้เข้ารัฐ แทนที่จะต้องหลบๆซ่อนๆแล้วขนเงินเอาไปให้ประเทศรอบบ้านใช้ไปฟรีๆ ปีละหลายพันล้านบาท
แนวความคิดของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือผู้อำนวยการกองสลาก ได้เปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างที่อยู่ มาเก๊า ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน “การพนัน” ก็ว่าได้เพราะที่นั่นเติบโตอยู่ได้มากับการมีบ่อนพนันถูกกฎหมายมานานหลายปีแล้ว
และที่มาเก๊านี่เองที่เป็นต้นแบบการทำบ่อนการพนันย่านเอเชียในลักษณะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นสถานบันเทิงครบวงจร
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตามความเป็นจริงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบ่อนการพนันดังกล่าวได้ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดในประเทศรอบบ้านเราทั้ง ลาว เขมร พม่า มาเลเซีย รวมไปถึง สิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสามประเทศอินโดจีน อย่าง ลาว เขมร พม่านั้นแทบจะจ่อชายประตูบ้านเรียกว่าเปิดประตูด่านออกไปก็เข้าไปในบ่อนได้ทันที และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายบ่อนขนาดใหญ่ดังกล่าวมีหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทย มีทั้งประเภท “ขาใหญ่” ทั้งนักการเมือง นักเลงเก่า ในวงการรับรู้กันดีอยู่แล้ว
สำหรับประเทศไทย บ่อนการพนันถือว่าเป็น “อบายมุข” เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แม้ว่าหากพิจารณาจากความเป็นจริงในบางแง่มุมก็อาจมีเสียงโต้แย้งว่าการพนันไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้ายนัก เพราะเงินที่นำไปเล่นก็เป็นเงินของตัวเองที่หามาได้ จะเจ๊งจะฉิบหายอย่างไรมันก็เป็นเรื่องส่วนตัว รับผิดชอบกันเอง แต่ถ้าพิจารณากันอีกด้านหนึ่ง การพนันสร้างผลร้ายกับประเทศชาติแน่นอน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ประชาชนในประเทศนั้นหมกมุ่นอยู่เรื่องอบายมุข และการพนันแน่นอนว่าจะนำไปสู่ความวิบัติทั้งในครอบครัวและลุกลามไปในสังคมวงกว้างในระดับชาติแน่นอน
แม้ว่าในหลักการและเหตุผลของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล วันชัย สุระกุล ในการนำเสนอนั้นจะออกมาในแบบ “ฟอร์มยักษ์” เป็น “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” เป็นแหล่งบันเทิงครบวงจร มีทั้งบ่อนการพนัน แหล่งช็อบปิ้ง โรงแรม รวมทั้งสถาบันกวดวิชาก็ยังมี เป็นต้น คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาท และสถานที่ก่อสร้างโครงการพนันครบวงจรดังกล่าวมีการเล็งเอาไว้ในพื้นที่ชนบทห่างไกล เช่น ทุ่งกุลาร้องให้ โดยอ้างว่าเป็นการกระจายความเจริญออกไป
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นจะต้องมีการเสนอแก้ไขกฎหมาย นั่นคือ พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 มาตรา 5 และมาตรา 22 โดยมีเป้าหมายรวมๆ ก็คือ เพื่อให้สามารถลงทุนทำกิจการได้กว้างขวางขึ้น รวมไปถึงการลดการส่งเงินเข้ารัฐให้น้อยลงแล้วนำเงินในส่วนที่ไม่ต้องส่งเข้ารัฐมาตั้งเป็นกองทุนสำหรับใช้เพื่อการกุศลหรือบำรุงสาธารณกุศลต่างๆ
ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่า ทั้งหวยและบ่อนการพนันถือว่าอยู่คู่กับคนไทยมานาน จนมีหลายคนบอกว่า “เลิกไม่ได้” และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงสมควรนำขึ้นมาอยู่ “บนดิน” ทำให้ถูกกฎหมายและหารายได้เข้ารัฐเสียเลยเหมือนกับในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ทำ “หวยบนดิน” ประเภทเลขท้ายสองตัวสามตัวมาแล้ว
อีกทั้งโครงการบ่อนการพนันครบวงจรที่แฝงมาในแบบเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็เคยมีการริเริ่มดำเนินการ แต่ไม่ทันได้ดำเนินการก็ถูกรัฐประหารพ้นไปเสียก่อน แต่ที่น่าสังเกตก็คือ กองสลากในยุคที่มี พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองสลากที่เคยเดินตามหลัง ทักษิณ คอยนำเงินหวยไปแจกชาวบ้านในรูปแบบประชานิยมมาแล้ว แต่คราวนี้มาในนามกรรมการบริหารกองสลาก (บอร์ด) ก็กลายเป็นว่ามีการปัดฝุ่นโครงการเก่าขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันสำหรับผู้อำนวยการกองสลากฯคนปัจจุบันคือ วันชัย นั้นเดิมก็มีการยื่นใบลาออกโดยให้มีผลในเดือนตุลาคมนี้แล้ว แต่ก็มีการกลับลำในที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการวิเคราะห์กันว่าสาเหตุการลาออกเนื่องจากต้องการชิ่งหนีคดีทุจริตบางอย่าง
หากพิจารณาจากรูปการณ์ทั้งตัวบุคคลที่เข้ามารับหน้าที่ผลักดันโครงการ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการบอร์ดกองสลากอย่าง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ รวมถึง วันชัย ที่กลับลำไม่ยอมลาออกจากผู้อำนวยการกองสลาก แต่มาเดินหน้าผลักดันแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดทางให้เปิดบ่อนการพนันในประเทศไทย และให้ลดนำเงินรายได้จากเดิมที่ต้องส่งเข้ารัฐจากเดิมร้อยละ 28 ให้เหลือร้อยละ 25 ส่วนที่เหลือ ร้อยละ 3 ให้นำมาบริหารจัดการในรูปแบบกองทุนสาธารณะซึ่งกรณีหลังนี่แหละจะเป็นแหล่งสำหรับการจับจ่ายสำหรับการหาเสียง แจกจ่ายได้กันได้สนุกมือ
ขณะเดียวกัน ในมือการพนันเป็นอบายมุข และ “บ่อน” ถือเป็นสถานที่ “อโคจร” การดำเนินการจะต้องรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน พิจารณาถึงผลได้ผลเสียว่าคุ้มค่ากันหรือไม่ อีกทั้งการนำเสนอตัวอย่างเฉพาะด้านดีในเรื่องรายได้ของบ่อนการพนันในต่างประเทศ เน้นในเรื่องการท่องเที่ยว นักการพนันที่จะเข้าไปเสี่ยงโชคต้องมีการแสดงบัญชีรายได้ ต้องเป็นเศรษฐี มันก็ไม่มีใครเถียง แต่จากข้อมูลอีกด้านหนึ่งประเทศที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวก็เริ่มมีเสียงบ่นเข้ามาเหมือนกันว่ามีปัญหาสังคมเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต บางประเทศกำลังจะเลิกบ่อนการพนันก็มี
ที่สำคัญหากอ้างว่าต้องการหารายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยว และในเมื่อคนไทยที่มีฐานะต้องนำเงินไปทิ้งให้บ่อนในประเทศเพื่อบ้าน สู้ทำให้ถูกกฎหมายจะได้เก็บภาษีเป็นกอบเป็นกำนั้นเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะสิ่งใดก็ตามหากถือว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นการมอมเมา ทำลายสังคมก็ต้องกำจัดปราบปราม เพราะถ้าคิดแบบนั้น อนาคตก็ต้องยอมรับการคอรัปชั่นเหมือนกัน โดยอ้างว่าในเมื่อกวาดล้างกันไม่หมดก็ต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ อีกทั้งการหารายได้เข้าประเทศนั้นยังมีแนวทางอีกมากมาย โดยเฉพาะพื้นที่ “ทุ่งกุลาร้องให้” นั้นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือเป็นแหล่งปลูกข้าว “หอมมะลิ” ที่ดีที่สุดในโลกควรที่จะพัฒนาต่อไป
ดังนั้นไม่ว่ามองในมุมไหนถือว่าการเปิดบ่อนในรูปแบบเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เป็นเพียงข้ออ้างในการหารายได้สำหรับรองรับการหาเสียงแบบ “ประชานิยมแบบมักง่าย” เท่านั้น เชื่อว่าสังคมไทยคงจะไม่หน้ามืดหลงงมงายและตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้อีกต่อไป ขณะเดียวกันการเสนอวิธีการแบบนี้ออกมาก็อาจเป็นเพราะหลายนโยบายที่เข็นออกมาเริ่มหมดท่าจึงต้องหากินกับเงิน “ค่าต๋ง” หวย-บ่อนกันแล้ว!!