ผู้บัญชาการทหารบก รับอุทกภัยปีนี้หนัก แต่คาดจะผ่านไปได้ในเร็ววัน สั่งทหารช่วยขนย้ายชาวลพบุรีไปทำงาน พร้อมทดลองดัดแปลงแอร์โบ้ตใช้ลำเลียงคน วอนทุกคนเข้มแข็ง สามัคคี แนะรัฐจัดโซนปล่อยน้ำท่วมและเขตสัญจร-เล็งเข้มลาดตระเวนป่าฮาลาบาลา เร่งผู้ว่าฯ ล่านายทุนรุกป่า พร้อมชงนายกฯ แก้ปัญหา
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่า จากที่ได้รับรายงานพบว่า มีน้ำท่วม 56 จังหวัด แต่ที่ยังท่วมมากอยู่มี 23 จังหวัด อีก 33 จังหวัดอยู่ในขั้นฟื้นฟู แต่เนื่องจากจะมีพายุเข้ามาอีก 2 ลูก จะทำให้น้ำเหนือและน้ำที่อยู่ในตอนกลางสะสมมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ กองทัพบกได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการร่วมกับส่วนราชการอื่น แต่ปัญหาครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง รวมถึงมีพายุเข้ามามากกว่าปกติ จึงสร้างความเดือดร้อน แต่มั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ในเร็ววันนี้ โดยทุกคนคาดหวังให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่ทั้งหมดอยู่ที่การเตรียมการและการป้องกัน
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคกลางจะมีปัญหาเรื่องการสัญจรไปมา เช่น จ.ลพบุรี ได้สั่งการให้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และ มณฑลทหารบกที่ 13 จัดยานพาหนะและรถขนาดใหญ่ ช่วยขนย้ายนักเรียน และ ประชาชน ไปทำงานและไปโรงเรียน นอกจากนี้ ยังได้ให้ทดลองการใช้แอร์โบ้ต คือ เรือที่จะใช้วิ่งในพื้นที่ และภูมิประเทศ ที่จำกัดได้ เช่น ในพื้นที่ที่เป็นหญ้ามีน้ำท่วม ซึ่งกำลังดัดแปลงอยู่มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ โดยใช้งบประมาณที่ได้รับการบริจาคมา ซึ่งคาดว่าในสัปดาห์หน้า แอร์โบ้ต น่าจะใช้งานได้ เพื่อลำเลียงคน และแจกข้าวของเข้าไปช่วยเหลือ และหากอากาศเปิด ก็จะใช้อากาศยานเพิ่มเติม ในพื้นที่ภาคเหนือได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 3 โดยมณฑลทหารบกที่ 33 ให้ลงไปช่วยเหลือที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างไรก็ตาม ทุกกองทัพภาคพร้อมให้ความช่วยเหลือ
“อยากให้ทุกคนเข้มแข็งและสามัคคีกัน ยกตัวอย่างต่างประเทศที่ประสบภัยพิบัติ เขาก็ช่วยเหลือกัน ไม่ทะเลาะกัน อยากให้ดูว่าประเทศไทยไปได้อย่างนั้นหรือไม่ ส่วนประชาชนที่รู้สึกว่าได้รับความเหลื่อมล้ำในการช่วยเหลือก็ต้องไปชั่งน้ำหนักกันดู เพราะการช่วยเหลือดูแลต้องมีการกำหนดพื้นที่ที่จะต้องแบ่งเบากันให้ได้ ถ้าท่วมทั้งหมดก็เสียหายทั้งหมด แต่ถ้าท่วมบางส่วน เราก็ต้องกันพื้นที่ในส่วนที่เป็นเศรษฐกิจ การค้าขาย เพื่อที่จะใช้บริการได้ ก็ต้องเห็นใจกัน และเจ้าหน้าที่รัฐต้องไตร่ตรองตรวจดูให้ดี โดยจัดเป็นพื้นที่โซนนิงว่าพื้นที่ใดที่ปล่อยให้น้ำท่วมได้ และพื้นที่ใดจะต้องกันไว้เป็นพื้นที่ติดต่อสื่อสาร ต้องไปพิจารณากัน แต่ถ้าเราปล่อยให้ท่วมทั้งอำเภอ หรือจังหวัดเป็นเรื่องง่าย แต่ถามว่าจะไปตั้งกองอำนวยการตรงจุดไหน ช่วยกันอย่างไร ดังนั้น ประชาชนต้องไปใคร่ครวญว่าจะต้องทำอย่างไรให้ดีที่สุด กองทัพบก ได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว เสนอผ่านกองบัญชาการกองทัพไทย กลาโหม ไปยังรัฐบาล เพื่อให้บูรณาการในการช่วยเหลือ การขุดคูคลองก่อนที่น้ำจะท่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับเรื่องไปแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าฮาลาบาลา จ.ยะลา ว่า จากการได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ กับผู้รับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่มาชี้แจงรายละเอียด ว่า การบุกรุกเข้าไปในพื้นที่แปลงใหม่ และอยู่ในพื้นที่ใจกลางป่า ไม่ได้ปรากฏมากขึ้นแต่เป็นการบุกรุกในพื้นที่อื่น โดยประชาชนที่อยู่ในบริเวณนิคมต่างๆ ซึ่งในส่วนที่บุกรุกก็ได้ดำเนินการในทางคดีไปแล้ว และตนก็ได้กำชับไปกับผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำเต็มที่เป็นป่าที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุด และเป็นป่าในพระราชเสาวนีย์ ซึ่งหน่วยในพื้นที่ก็รับปาก พร้อมบอกว่า ถ้ากำลังไม่พอก็ต้องร้องขอทหารไปสนับสนุน นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มเข้มข้นในการลาดตระเวนทางอากาศเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพภาคที่ 4 พร้อมทั้งเร่งรัดคดี แต่การดำเนินการต่างๆ ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งก็ยากจนเพราะไม่ทราบความผิดถูกของกฎหมาย ส่วนจะต้องเคลื่อนย้ายประชาชนหรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่สาเหตุ ซึ่งปัจจุบันจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นก็มีการบุกรุกป่าขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะจัดการปัญหาอย่างไรให้เป็นไปตามแนวพระราชดำริ และ พระราชเสาวนีย์คือใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุดและเกิดประโยชน์สูงสุด
“คนที่ทำผิดกฎหมายส่วนใหญ่ คือ นายทุน คนที่มีเงินเยอะๆ ซึ่งทำให้มีปัญหา และยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ได้กำชับไปแล้วให้ไปติดตามไปแล้ว จนรู้ว่าเป็นใคร ซึ่งผู้ว่าฯ ก็รับไปดำเนินการ ประชาชนส่วนใหญ่น่าจะพูดจากันรู้เรื่อง น่าจะแก้ไขปัญหากันได้ในอนาคต ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องมีที่ดินทำกินกันทุกคน แต่ทำอย่างไรให้เขามีพื้นที่ทำกิน และนำประโยชน์กลับไปใช้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ ซึ่งทาง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จะมีส่วนในการปฏิบัติ จะนำเสนอนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน.ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว