“เฉลิม” โว 1 เดือน ปราบยาเสพติดได้ผล เฉ่งผู้ว่าฯเฉื่อยไม่ให้ความร่วมมือ สั่ง มท.1 ขันนอต ฟุ้งรู้ตัวหมด มีความเป็นหัวเรือใหญ่ขบวนการค้ายาเสพติด รับมีนักการเมือง ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยว หงอเสื้อแดงปัดพูดถึงการดำเนินคดี “อริสมันต์” อ้างไม่ใช่หน้าที่ เผย 13 ศพ ใกล้ชัดเจน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล จับกุมผู้ค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้านเม็ด ในช่วงเช้าวันนี้ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ เพราะรู้ว่ารัฐบาลเอาจริง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนดูแล ตนจึงใช้ความรู้ทีมีจากประสบการณ์ ตั้งแต่เป็นตำรวจ และการที่ตนใกล้ชิดกับตำรวจ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ทุกคนรู้ว่ายาเสพติดมาจากที่ไหน จะต้องมีการสกัดกั้น ไม่ให้มีการซัปพลาย ดีมานด์ก็จะไม่มีปัญหา มีการเอาโทรศัพท์เข้าไปในเรือนจำ แต่ถ้าสั่งเข้าไปไม่ได้ก็จบ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ
“ที่สำคัญ ตอนนี้มีการย้ายฐานการผลิต จากประเทศที่เรารู้ ไปเป็นอีกประเทศใกล้ๆ ตอนนี้ผมรู้แหล่งผลิตแล้ว และได้สั่งให้แม่ทัพนายกอง ที่ประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.และได้แนะนำทหารเรือ กับด่านศุลกากร เพราะที่ผ่านมา มีการใช้เรือหัวแหลม ที่ลำไม่ใหญ่ วิ่งแป๊บเดียวก็ถึงฝั่งเรา แต่ขนทีละเป็นหมื่นเป็นแสนเม็ด ซึ่งใช้ธงของประเทศนั้นติด ทำให้เจ้าหน้าที่กลัว เพราะว่าเป็นการให้เกียรติ เนื่องจากเป็นธงของทางการ ผมจึงถามไปว่ากลัวทำไม จึงสั่งการไปว่าถ้าเห็นว่าเป็นเรือขนยาเสพติดให้ดำเนินการ ถึงแม้ว่าจะติดธงของประเทศนั้นก็ตาม ผมจะจัดการเรื่องรายละเอียดให้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกับการจัดการแก๊งค้ายาเสพติด”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ทหารให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ที่ตนไปประชุมก็มีแม่ทัพเข้ามาร่วมประชุม รองแม่ทัพ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ผู้บัญชาการทหารพราน ผู้บัญชาการงานกองกำลังผาเมือง แต่หน่วยงานพลเรือนยังไม่มีการตื่นตัว ซึ่งจะพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะขนาดการประชุมยังส่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างมา ทั้งที่เขารู้นโยบายแล้ว แต่สั่งการไม่ได้ ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ตนมั่นใจว่ายาเสพติดไม่หมด ก็ต้องเหลือน้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมครั้งนี้หมายถึงฝ่ายปกครอง หรือว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ยังทำงานไมเต็มที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ป.ป.ส.หน่วยงานนี้เขาเต็มที่ เพราะขึ้นตรงกับตน แต่ตนขอยกตัวอย่าง เช่น กรมศุลกากร ที่อธิบดีไม่เคยให้ความสนใจ ซึ่งอาจจะมีภารกิจ แต่อย่างน้อยในเมื่อเป็นวาระแห่งชาติ และนโยบายเร่งด่วน ก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาล หรืออย่างกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯบางคนเข้าประชุมแป๊บเดียว ก็อ้างว่ามีธุระ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรส่งตัวแทนมาทำหน้าที่ ทั้งนี้ ตนได้บอกกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว.มหาดไทยว่าถ้าเอาเจ้าหน้าที่ไม่สำคัญของจังหวัดมา และจะสั่งการไปได้อย่างไร ก็ต้องมีการประสานงานกันใหม่
ต่อข้อถามว่า ประเมินการทำงาน 1 เดือนที่ผ่านมา ในการกวาดล้างยาเสพติดอย่างไรบ้าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ผล อย่างน้อยสถานบริการก็เปิดสว่างไม่ได้ เพราะสถานที่นี้ถือเป็นจุดเสี่ยง ถ้าลดไปปัญหาก็จะน้อยลง จากเป้าหมายหลักของตนคือป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาประเทศ ตอนนี้มีรายชื่อผู้ค้าหมดแล้ว จริงๆ แล้วมีไม่มาก แต่พวกที่มารอรับยาจากพวกนี้ตนยังไม่ทราบจำนวน ซึ่งได้นำข้อมูลเก่ามารวบรวมใหม่ ก็พบว่า พวกหัวโจกมีไม่มาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการประชุมติดตามเร่งรัด มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มี แต่ในระดับท้องถิ่น ตนถึงบอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาดูแล ซึ่งกำนัน และอบต.บางตำบลนี่ตัวดีนัก เพราะพวกค้ายาสามารถผ่านเข้ามาชายแดนได้ แต่เส้นทางภายในประเทศไม่เก่ง ตนจึงต้องคุยกับนายยงยุทธ ว่า ผู้ว่าฯต้องให้การร่วมมือ เพราะการทำงานจะเหลอะแหละไม่ได้
“มีตำรวจส่วนหนึ่งที่มีส่วนในการค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งนโยบายที่ผมสั่งไป หากจับได้ให้คัดออก หรือไล่ออก ชั่วช้าอย่างอื่นก็พอไหว แต่ถ้าเจ้าหน้าที่มาค้ายาเสียเอง ถือว่าใช้ไม่ได้ และผมรู้ชื่อหมดทุกคนแล้ว ผู้บัญชาของพวกนั้นเป็นคนบอกมาเอง ซึ่งเมื่อก่อนผู้บังคับบัญชาไม่กล้าออกมาพูด เพราะข้างบนไม่เข้มข้น เหมือนรัฐบาลนี้ พอข้างบนเข้มข้น พวกเขาเลยต้องเข้มข้นตาม ที่ยังมีการค้ายาอยู่ได้นั้น ก็เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมมืออยู่ด้วย อย่างแถวย่านรัชดา ถ้าเปิดเป็นสถานบริการอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร แต่มีการตั้งโต๊ะขายยาบ้า ยาอี แต่ตอนนี้ไม่ได้เพราะตำรวจเอาจริงแล้ว” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ที่มีกระแสว่า จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยนั้น ว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น ให้ไปถาม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เพราะท่านรับผิดชอบอยู่ ซึ่งภารกิจหลักของตน คือ การกำจัดยาเสพติด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงกลุ่มคนเสื้อแดงใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนอย่างตนใครจะมาสั่งได้ หน้าที่ใครหน้าที่มัน “ขอบอกว่าในชีวิตของ ร.ต.อ.เฉลิม ทางการเมือง ไม่มีใครสั่งผมได้ ผมคิดเป็นทำเป็น ส่วนที่เป็นข่าวออกมา เพราะมีการไปเขียนกันเอง ที่ผมไม่พูดเพราะไม่ใช่หน้าที่”
ต่อข้อถามว่า สภาพการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ผู้ที่อ้างเหตุผลไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีการเมือง กำลังจะกลับเข้ามาต่อสู้คดีได้หรือยัง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.เสนอต่อ ครม.7 ข้อ ให้ไปศึกษาตรงนั้นเอาก็พอแล้ว ถามต่อว่า เป็นการคืนความเป็นธรรมให้กลุ่มคนเสื้อแดงในข้อหาทางการเมืองตามที่พรรคเพื่อไทย ระบุ จะใช้ช่องทางของ คอป.เลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็มีหลายช่องทาง อย่างการชันสูตรพลิกศพ 13 ศพใหม่ ก็เป็นอีกช่องทางที่จะพิสูจน์ว่าใครเป็นคนผิด
ส่วนความคืบหน้าคดี 91 ศพถึงไหนแล้วนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตอนนี้ถึงขั้นตอนการไต่สวน ที่ใกล้จะรู้ความจริงแล้วว่าศพนั้นเป็นใคร ตายที่ไหน ตายอย่างไร และใครทำให้ตาย ซึ่งใกล้จะเห็นชัดแล้ว ใครที่ทำอะไรไว้ก็เตรียมตัว ถึงเวลาศาลก็จะเรียกไปเอง ทั้งนี้ประมาณสัปดาห์หน้า ตนจะไปพบพนักงานสอบสวนที่มีหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ โดยตนจะย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่าอย่าสร้างหลักฐานเท็จ ทำงานให้ตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการอ้างได้ไหม ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไปสั่งการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะมีกฎหมายควบคุมอยู่ ตนไม่เอาตัวไปเสี่ยงกับเรื่องนี้ ต่อข้อถามว่า คดี 91 ศพ กับคดี 13 ศพ จะเป็นจิ๊กซอว์ที่ไปสู้ผู้สั่งการที่เคยบอกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หากศาลพิสูจน์ชัดเจนว่า ใครเป็นคนทำก็ต้องรับผิดชอบ ตนขอย้ำอีกครั้งว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจะปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 และ มาตรา 70 ที่ระบุว่าตนสั่งการต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะมาพบกับตนก่อนในสัปดาห์หน้า เพื่อชี้แจงในเรื่อง 13 ศพ ที่ตนเห็นว่าหากคดีนี้ชัดเจน เรื่อง 91 ศพก็จะง่าย