“ฮุน เซน” ประกาศจูบปากคนเสื้อแดง ลั่นเป็นพี่น้องร่วมชาติของเขมร พร้อมส่งสารถึงประชาชน-กองทัพของไทยและเขมร ระบุฝันร้ายได้สิ้นสุดแล้ว ลั่นเร่งทำทุกอย่างเพื่อสันติภาพ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เปลี่ยนเสียงระเบิดเป็นเสียงดนตรี ขณะที่ฟุตบอลกระชับสัมพันธ์ปิดสกอร์ที่ 10-7
เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ รายงานว่า ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระหว่างเปิดพิธีแข่งขันฟุตบอลมิตรภาพเสื้อแดง-กัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น.ที่สนามกีฬาแห่งชาติโอลิมปิก กรุงพนมเปญ ว่า วันนี้เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างพระราชอาณาจักรกัมพูชา และพระราชอาณาจักรไทย และวันนี้ก็เป็นสารทางการเมืองที่ส่งจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ไปถึงประชาชนและกองทัพกัมพูชา ประชาชนและกองทัพไทย โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ฝันร้ายที่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง ได้สิ้นสุดลงแล้ว
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศอีกว่า เรากำลังดำเนินกิจการทุกอย่างที่จะนำมาซึ่งการเพิ่มพูนสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ ระหว่างประเทศทั้งสอง วันนี้เราได้เห็นจุดยืนที่เปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งของความสัมพันธ์ คือ เปลี่ยนจากสมรภูมิสู้รบกลายเป็นตลาดพัฒนา เปลี่ยนจากสมรภูมิสู้รบเป็นที่ค้าขายสินค้าและบริการ เปลี่ยนจากเสียงระเบิดเป็นเสียงดนตรี เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬามิตรภาพของเราในวันนี้
นอกจากนี้ ฮุน เซน ได้กล่าวขอบคุณ นายสมชาย วงส์สวัสดิ์ แกนนำและกลุ่มเสื้อแดงทั้งหมดที่รักในสันติภาพ มิตรภาพ ที่มาเป็นจำนวนมาก จากหลากหลายที่ มายังพนมเปญเพื่อร่วมกับประชาชนกัมพูชา ซึ่งเสื้อแดงก็เป็นเหมือนพี่น้องร่วมชาติกัมพูชา
ทั้งนี้ สำหรับการแข่งขันบอลกระชับมิตรไทย-กัมพูชา ระหว่างโดยสมเด็จฮุน เซน และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย นั้นมีการผสมผสานผู้เล่นทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาลงไปในทั้งสองทีม โดยใช้ชื่อว่า “ทีมเอ” (นปช.) สวมเสื้อสีแดง ประกอบด้วย สมเด็จฮุน เซน เล่นตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ “ทีมบี” (วีไอพีกัมพูชา) สวมเสื้อสีน้ำเงิน มี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สวมเสื้อสีน้ำเงินหมายเลข 9 พร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีม
โดยเริ่มเล่นไปได้ 10 นาที ทีมเอทำสกอร์ไปได้ก่อน 1-0 หลังจากนั้น สมเด็จฮุน เซน ถูกเปลี่ยนตัวออกและให้ลูกชายลงสนามแทน อีกไม่กี่นาทีต่อมา ทีมเอก็ทำสกอร์ได้อีก เป็น 2-0 ต่อมา นายณัฐวุฒิ ส่งลูกเข้าเท้า นายจตุพร ยิงเข้าไปอีกเป็น 3-0 และสมเด็จฮุน เซน ก็กลับลงสนามอีกครั้ง และทีมเอ ทำสกอร์ได้เป็น 4-0 ก่อนหมดครึ่งแรก ทีมบี สามารถตีไข่แตกได้ 1 ประตู สกอร์เป็น 4-1
เปิดครึ่งหลังได้ไม่กี่นาที สมเด็จฮุน เซน เตะบอลเข้าไปตุงตาข่าย ได้เป็น 5-1 ประตู หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายผลัดกันยิงประตูได้มากขึ้นในครึ่งหลัง แต่ทีมแดงยังนำอยู่ โดยก่อนหมดเวลาเพียงไม่กี่นาที นายสมชาย ยิงประตูทำแต้มตีตื้นให้ทีมบีขึ้นมาได้เป็น 10-7 ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลา
