xs
xsm
sm
md
lg

“สุรพงษ์” ดัน “บัณฑิต” นั่ง ปธ.เจบีซีแทน “อัษฎา” แต่ใช้ทีมสู้คดีเขมรชุดเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล (แฟ้มภาพ)
“สุรพงษ์” เปลี่ยนประธานเจบีซี ดัน “บัณฑิต โสตภิพลาฤทธิ์” แทน “อัษฎา ชัยนาม” พร้อมชงตัวเองขึ้นแท่นประธานเจทีซี ส่วนทีมสู้คดีปราสาทพระวิหารกับกัมพูชาในศาลโลก ยังคงใช้บริการคณะทำงานชุดรัฐบาล ปชป.แต่งตั้ง โดยมี “วีระชัย พลาศรัย” เป็นประธาน


นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่าได้ให้นายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี แทนนายอัษฎา ชัยนาม และเปลี่ยนทีมที่ปรึกษาของเจบีซี จากนายวีระชัย พลาศัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และนายชาตรี อรรถจานันท์ ผอ.กองกฎหมายกรมสนธิสัญญา มาเป็นนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และนายณัฐฏวุฒิ โพธิสาโร เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะรัฐบาลเก่าทำงานไม่คืบหน้า โดยหวังให้จะได้ข้อยุติโดยเร็ว และจะขอยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และไม่ได้ฮั้วกับกัมพูชา

นอกจากนี้ยังจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา หรือเจทีซี จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นตนเอง ส่วนที่ปรึกษาได้เปลี่ยนจากนายเกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย มาเป็นนายพรชัย ด่านวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมอาเซียน

สำหรับการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า จะยังคงใช้คณะทำงานชุดเดิมทั้งหมด ตั้งแต่ตัวแทนรัฐบาลไทยซึ่งมีนายวีระชัย พลาศรัย เอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นประธานคณะทำงาน รวมถึงที่ปรึกษาชาวต่างชาติและทีมที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างชาติเพื่อการดำเนินการ เนื่องจากได้ติดตามเรื่องและมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว การดำเนินการจะได้มีความต่อเนื่อง

สำหรับความคืบหน้าเรื่องเอ็มโอยู 2544 ที่รัฐบาลที่แล้วได้มีการประกาศยกเลิกไป จะต้องมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส เปิดเผย และคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

“รัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างเปิดเผยหมด จะไม่มีความลับอีกต่อไป เพราะผมจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และถ้าใครเห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้ไปตกลงเที่ยวนี้แล้วมีผลประโยชน์ทับซ้อน ให้ไปแจ้งความหรือบอกท่านนายกรัฐมนตรีได้เลย เพราะท่านนายกรัฐมนตรีจะไล่ออกทั้งหมด หรือแม้แต่ตัวผมเนี่ยเกิดไปมีผลประโยชน์ทับซ้อน ผมได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าไล่ออกได้เลย”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงนั้นส่วนใหญ่ได้ดำเนินการไปเฉพาะที่ต้องไปชดเชยทดแทนข้าราชการที่เกษียณอายุราชการเท่านั้น โดยจะยึดหลักอาวุโส
กำลังโหลดความคิดเห็น