“สนธิ” ลั่นเดินหน้าทวงคืน ปตท. พร้อมถูกถอดโฆษณาที่ ปตท.ลงกับหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ชี้ถ้าทุกสื่อกล้ายืนหยัดบนความถูกต้อง ไม่เอาโฆษณามาเป็นเงื่อนไขปิดปากตัวเอง สุดท้ายสินค้าไม่มีทางเลือกก็ต้องเป็นฝ่ายที่ยอมสื่อเอง
วันที่ 22 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โทรศัพท์เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในรายการ “คนเคาะข่าว” ถึงประเด็นการทวงคืน ปตท.กลับเป็นสมบัติชาติ
นายสนธิกล่าวว่า ขอชี้แจงเรื่องโฆษณา สื่อมวลชน หรือ ASTV ผู้จัดการ ไม่เคยปฏิเสธโฆษณา แต่เรามีเงื่อนไขเดียว คือ ไม่ได้หมายความว่าปิดปากเราไม่ให้พูดถึงเจ้าของโฆษณานั้น วันนี้ ปตท.ยังลงโฆษณาในเครือ ASTV ผู้จัดการ แต่มันก็เป็นบทพิสูจน์ว่า ถ้าเขาคิดว่าเราออกมาแบบนี้แล้วจะตัดโฆษณาเราก็พร้อมให้ตัด เพราะบอกเขาแต่แรกแล้วตั้งแต่แสดงเจตจำนงลงโฆษณาว่าไม่มีเงื่อนไข อย่าใช้เงื่อนไขการลงโฆษณามาบังคับเรา เขาก็ยอม อาจป็นการซื้อน้ำใจเรา คล้ายๆ กับว่าลงโฆษณาแล้วไม่น่าลงข่าวเกี่ยวกับเขา
แต่เผอิญมันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง และเงินที่มาลงก็เป็นภาษีอากรของประเทศชาติแท้ๆ ความจริงแล้วถ้าสื่อกล้ายืนหยัดบนความถูกต้อง สินค้าทุกประเภทไม่มีทางเลือกก็ต้องลงสื่อ ถ้ายึดมั่นในอุดมการณ์ ก็ต้องไม่ปิดปากตัวเองเพราะโฆษณาที่เอามาลง หากเจ้าของสินค้านั้นมีปัญหากับประเทศชาติ เราจะไม่หยุดยั้ง เดินหน้าต่อไป
นายสนธิกล่าวอีกว่า เหมือนกรณีการบินไทยไม่ยอมเอาหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการขึ้นเครื่อง และไม่ลงโฆษณาด้วย เพราะเป็นสื่อฉบับเดียวที่เคยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานการบินไทย ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าเบื้องหลังการซื้อเครื่องบิน จนกระทั่งผู้ใหญ่สั่งให้ถอดหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการออก และไม่มีโฆษณามา เราต้องสูญเสียรายได้แต่ส่วนรวมต้องมาก่อน
“พวกเราอยู่อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว คิดว่าในที่สุดอุดมการณ์จะนำมาสู่ความศักดิ์สิทธิ์ของจริยธรรม คุณธรรม และศีลธรรม ต้องมีคนบางคน หรือองค์กรบางองค์กร กล้าที่จะยืน และมันสะท้อนให้เห็นว่าเจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย”
อย่างที่ทนายสุวัตรบอกว่า ทำไมบ้านเราถึงเก็บแต่ค่าภาคหลวง เพราะฝรั่งซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานน้ำมันรู้ดีว่าค่าภาคหลวงคือกำไรมหาศาล เลยซื้อคนในกรมทรัพยากรธรณีเอาไว้ ซื้อมานานแล้วด้วย ซื้อรัฐบาลไทยไปด้วย ไม่ได้ซื้อเป็นชุดๆ แต่เขาซื้อทั้งสายพาน ใครเข้ามาก็ได้รับเงินต่อเนื่องไป