ความอยากของ พัลลภ !!

เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด

00 เห็นอาการ “อยาก” จนเก็บไม่อยู่ของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี จนถึงขั้นตั้งโต๊ะแถลงว่าพร้อมจะเป็น ผอ.กอรมน.กำลังทำทุกทางเพื่อนั่งเก้าอี้ให้ได้ ก็อดรู้สึก “สมเพช” ไม่ได้ ที่สำคัญไม่ได้รู้จักตัวเองเลยแม้แต่น้อย เข้าใจเพียงว่าตัวเองเคยเป็น รองผอ.กอรมน.มาแล้ว ดังนั้นก็น่าจะเขยิบขึ้นไปนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่กว่านี้ได้

00 ตามโครงสร้างใหม่ก็ต้องยอมรับว่า ตำแหน่งดังกล่าวนี้มีอำนาจไม่เบาเหมือนกัน เพราะคนที่จะนั่งเป็น ผอ.กอรมน.ได้ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนรอง ผอ.ก็คือ ผบ.ทบ.และ เลขาฯกอ.รมน.ก็คือเสนาธิการกองทัพบกโดยตำแหน่ง อย่างไรก็ดีในกรณีของ พล.อ.พัลลภ นั้นยังมีปัญหาทาง กม. โดยเฉพาะตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯที่เขานั่งอยู่ ดังนั้นให้เข้าเงื่อนไขจึงต้องพยายามผลักดันตัวเองให้เลื่อนชั้นเป็นประธานที่ปรึกษานายกฯเสียก่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องไปกระทบกับคนอื่น ซึ่งปัญหาน่าจะอยู่ตรงนี้นั่นแหละ

00 นอกจากนี้ หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ของ พล.อ.พัลลภ เมื่อครั้งที่เป็น รองผอ.กมรมน.เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่ “มัสยิดกรือเซะ” สร้าง “บาดแผล” ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ และนับเป็นเงื่อนไขทำให้ “ไฟใต้ลุกโชน” จนบัดนี้ ดังนั้นนาทีนี้ก็ต้องลุ้นกันว่าตามกม.จะเปิดทางให้เขาได้ไปถึงฝัน รวมไปถึงคนที่มีอำนาจแต่งตั้งจะเต็มใจหรือไม่ด้วย

00 ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องจับตากันก็คือ สาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.พัลลภ ต้องการจะเข้าไปนั่งเก้าอี้ในกอ.รมน.เพราะต้องการ “อาสา” เข้ามาขยายมวลชนคนเสื้อแดง โดยใช้หน่วยงาน กอ.รมน.เป็นเครื่องมือนั่นเอง แต่ถ้าพิจารณาตามอาการแล้วน่าจะ “แห้ว” ตามเคย เพราะท่าทีล่าสุดจาก นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ประกาศชัดแล้วว่าจะ “ไม่ปล่อยมือ” แน่นอน

00 โผโยกย้ายนายทหารประจำปี ที่สะดุดกับตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม เนื่องจากมีการชักคะเย่อกันระหว่าง รมว.กลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ถือหางลูกน้องเก่าคือ พล.อ.วิทวัส รัชตะนันทน์ จากรองปลัดขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ขณะที่ อีกฝ่ายคือ ผบ.เหล่าทัพกลับสนับสนุน พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ข้ามมานั่งเก้าอี้ตัวนี้เหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าไปสอดคล้องกับความต้องการของ “เสี่ยเหลี่ยม” พอดี ทำให้งานนี้ “เสี่ยอ๊อด” หัวเดียวกระเทียมลีบไปอย่างไม่น่าเชื่อ และในวันนี้ (22 ก.ย.) ก็มีการถกกันในสภากลาโหมชี้ขาด ซึ่ง ผบ.สส.พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ กล่าวเสียงเข้มว่า “ต้องจบ” ส่วนจะจบแบบไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะงานนี้หวั่นใจว่าฝ่ายการเมืองจาก “ดูไบ” จะลามปามล้วงเข้ามาในตำแหน่งหลักอื่นๆอีก จึงต้องรีบ “ตัดเกม” ให้เร็วที่สุด !!